สหภาพโซเวียตนั้นล่มสลายไปแล้ว! จอมอหังการแห่งอเมริกาก็จะต้องสิ้นสลายไป

สหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว! สหรัฐอเมริกาควรหันกลับมาดูตัวเองหรือไม่?

      "ปัญหาของพวกท่าน คือการขาดความเชื่อมั่นอย่างแท้จริงต่อพระเจ้า... พวกท่านจะต้องทบทวนใหม่ในนโยบายที่วางพื้นฐานอยู่บนการปฏิเสธพระเจ้าและการปฏิเสธศาสนา... นับจากนี้เป็นต้นไป จำเป็นจะต้องค้นหาลัทธิคอมมิวนิสต์ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของประวัติศาสตร์การเมืองโลก

     เนื่องจากว่าลัทธิมาร์กซิสต์นั้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการใดๆ จากบรรดาความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ได้เลย... สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านสามารถที่จะเติมเต็มช่องว่างทางความเชื่อของระบอบของพวกท่านได้อย่างง่ายดาย...

     ข้าพเจ้าหวังว่า พวกท่านจะได้รับความภาคภูมิใจอย่างแท้จริงในประเด็นนี้ พวกท่านจะลอกเปลือกชั้นสุดท้ายที่เน่าเสียของความวิปริตเจ็ดสิบปีของโลกคอมมิวนิสต์โลกออกไปจากใบหน้าของประวัติศาสตร์และประเทศของท่านได้"

      ประโยคคำพูดเหล่านี้ คือส่วนหนึ่งจากเนื้อหาของสาส์นประวัติศาสตร์ของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ที่ได้ส่งมอบให้กับ “มีฮาอิล เซร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ” ประธานาธิบดีคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียตในพระราชวังเครมลิน แม้ว่าในวันนั้นอดีตประธานาธิบดีกอร์บาชอฟจะรับฟังเนื้อหาของสาส์นอย่างสมบูรณ์ด้วยความอดทนและความตั้งใจก็ตาม แต่เนื่องจากความไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องของเขาที่มีต่อความหมายต่างๆ ที่ลึกซึ่งของสาส์นที่ถูกนำเสนอแก่เขานั้น ได้กลายเป็นสาเหตุทำให้อีกสามปีต่อมา คำทำนายของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้กลายเป็นความจริง และสหภาพโซเวียตก็ต้องล่มสลายลงในที่สุด

      ในช่วงเวลาต่อมา กอร์บาชอฟ ได้ประกาศว่า “ผมรู้สึกเสียใจที่มิได้ใส่ใจต่อคำเตือนต่างๆ ของ (ท่านอิมามโคมัยนี) ผู้ก่อตั้งของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน... หากเราได้ใส่ใจอย่างจริงจังต่อคำเตือนและการคาดการณ์ต่างๆ ของท่านอายะตุลลอฮ์โคมัยนีแล้ว แน่นอนยิ่งวันนี้เราก็คงไม่ต้องพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้” (1)

      การแสดงความสำนึกเสียใจดังกล่าวมิได้เกิดประโยชน์ใดๆ สำหรับกอร์บาชอฟ เนื่องจากทุกอย่างมันได้สายไปเสียแล้ว และไม่มีโอกาสที่จะย้อนกลับมาได้อีก

      แต่ในระหว่างนี้ยังมีเวลาสำหรับสหรัฐอเมริกาที่จะเรียนรู้บทเรียนและอุทาหรณ์จากชะตากรรมของสหภาพโซเวียต และวางมือจากพฤติกรรมหยิ่งผยองและความอหังการของตน เพื่อว่าจะได้เป็นหลักประกันต่อชีวิตที่มีเกียรติศักดิ์ศรีสำหรับตัวเองในอนาคตได้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากการประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับสหภาพโซเวียตนั้น สหรัฐอเมริกาจะต้องหวนกลับมาสู่ตนเองจากการรับฟังคำพูดนี้ของศิษย์เอกจากสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ที่กล่าวว่า

     “หากเมื่อก่อนมีคนกล่าวว่า มหาอำนาจตะวันออก (หมายถึงสหภาพโซเวียต) จะต้องสิ้นสลายไป คนกลุ่มหนึ่งจะพูดกระดิกเคราแบบนักปรัชญาว่า “ใช่ซิ! พวกท่านมันเรียบง่าย (ไม่เข้าใจอะไร)!” วันนั้นที่ท่านอิมาม (โคมัยนี) ได้เขียนในสาส์นที่ส่งถึงกอร์บาชอฟว่า หลังจากนี้จะพบเห็นลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น  คนบางกลุ่มจะขำ! สองหรือสามปียังไม่ทันผ่านพ้นไปที่คำพยากรณ์ดังกล่าวได้เป็นจริงขึ้นมา...

      มหาอำนาจจอมอหังการแห่งอเมริกาก็จะต้องสิ้นสลายไปด้วยเช่นกัน มันจะล่มสลายเช่นเดียวกัน อำนาจนรกนี้ไม่อาจคงอยู่ได้... นี่คือคำพูดของรัฐบาลและประชาชนชาวอิหร่านและระบอบสาธารณรัฐอิสลาม และมันจะต้องเป็นเช่นนี้” (2)

สหรัฐอเมริกากำลังสูญเสียอำนาจและบทบาทของตน และจำเป็นที่จะต้องตระหนักว่า อนาคตจะไม่มีอเมริกากำลังจะเกิดขึ้น

      ตามการรายงานของญอมนิวส์ ; เว็บไซต์อเมริกัน "American Conservative" ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆ ของโดนัลด์ ทรัมพ์ ด้วยการเปิดเผยรายงานเรื่อง " Trump : America's Gorbachev" (ทรัมป์ : “กอร์บาชอฟ” ของอเมริกา) (3)

      การดำเนินการที่ขาดการไตร่ตรองของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้นำไปสู่สถานะความอ่อนแอลงในประชาคมระหว่างประเทศ ส่งผลให้นักการเมืองบางประเทศต้องทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และความจำเป็นที่จะต้องสานความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ อย่างเช่น อิหร่านและรัสเซีย

      ในรายงานนี้ ได้อ้างคำพูดจากการให้สัมภาษณ์ของนาย “วิลเลียม เรโน” (William Reno) นักวิทยาศาสตร์ทางการเมืองและนักวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในแอฟริกา เอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งเขากล่าวว่า :

      “เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เดินทางไปยังประเทศแอฟริกาตะวันออกประเทศหนึ่ง เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านพลเรือนและการทหาร ระหว่างรอเพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่ทหาร ผมได้สนทนากับอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศนี้ เขาเป็นนักอ่านและเป็นคนที่มีความเข้าใจ เขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการโจมตี (ทำลาย) ฐานความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกาในโลกนี้ โดยรัฐบาลของทรัมป์

      เขาได้เปรียบเทียบทรัมป์กับกอร์บาชอฟ ผมอยากรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทียบนี้ เนื่องจากชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีทัศนะคติที่ดีต่อกอร์บาชอฟ แต่เจ้าหน้าที่ชาวแอฟริกันผู้นี้ ได้อธิบายคำพูดของตนว่า ชาวรัสเซียถือว่า กอร์บาชอฟเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในฐานะที่เป็นประเทศมหาอำนาจหนึ่ง

      เขากล่าวว่า "ทรัมป์ คือ “กอร์บาชอฟ” ของพวกท่าน" เนื่องจากทรัมป์กำลังทำลายความเป็นมหาอำนาจโลกต่อประเทศของตน เขาตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์กำลังบ่อนทำลายสถาปัตยกรรมของอำนาจอเมริกันอย่างเป็นระบบ ตัวอย่างเช่น ท่าทีของทรัมป์ที่มีต่อนาโตและเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นส่วนสำคัญในการประเมินของประเทศอื่น ๆ เขาได้ชี้ถึงบรรดาที่ปรึกษา (ของทรัมป์) อย่างเช่น “เซบาสเตียน กอร์กา” (Sebastien Gurka) พร้อมกับกล่าวว่า ประเทศของเขาต้องการที่ปรึกษาเป็นคนที่มีความคิดเห็นอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และน่าแปลกใจมากที่องค์กรทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาสามารถอดทนต่อกลุ่มคนที่จะสร้างความเสียหายต่ออำนาจของสหรัฐอเมริกาได้

      ในมุมมองของพวกเขา อเมริกากำลังอยู่ในสภาพของการสูญเสียอำนาจและบทบาทของตน และจำเป็นต้องตระหนักว่า อนาคตที่ปราศจากสหรัฐอเมริกากำลังจะก่อตัวขึ้น

      เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ผมได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเป็นผู้หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของประเทศพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ นักการเมืองผู้นี้ก็ได้กล่าวเช่นกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เข้าใจระบบการเมืองของตนอย่างถูกต้อง เขาผู้นี้โดยอาศัยตำแหน่งของตน เขามีอิทธิพลโดยตรงต่อแนวทางในอนาคตของประเทศของเขาในด้านการเมืองระหว่างประเทศ และมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ระบบการปกครองของสหรัฐอเมริกาสำหรับบรรดาผู้นำของตน  เขากล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศของเขาจะไม่พึ่งพาสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว และจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ อย่างเช่น รัสเซีย อิหร่าน ตุรกี และประเทศอื่นๆ

      นักการเมืองผู้นี้ กล่าวด้วยความมั่นใจว่า ประเทศของเขาจะก้าวหน้าไปได้โดยปราศจากอำนาจและการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และจะพยายามโน้มน้าวให้คู่ภาคีในประเทศอื่น ๆ มองเห็นความเป็นจริงเกี่ยวกับอนาคต เขาในฐานะที่เป็นนักการทูต เขาเกลียดชังการโพสต์ทวิตเตอร์ต่างๆ ของทรัมป์ และได้ชี้ให้เห็นเป็นหลักฐานถึงการไร้ความสามารถและความคู่ควรของทรัมป์ และเขากล่าวทิ้งท้ายว่า : "นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความอ่อนแอและความไม่สามารถให้ความไว้วางใจได้"ของทรัมป์


แหล่งที่มา :

(1) การให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวกลาง, ในปี 1378 (ปีอิหร่าน ตรงกับ พ.ศ. 2542)

(2) อายะตุลลอฮ์คอเมเนอี, วันที่ 27 เดือนมุรดอด 1370 (พ.ศ.2534)

(3) สำนักข่าว ญอมนิวส์


ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม