ทรัมป์ กับการประกาศวันหมดวาระของกษัตริย์ซัลมาน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากวันเสาร์จนถึงวันอังคารนั้น นับได้ว่าเป็นช่วงวันเวลาที่ขมขื่นที่สุดในชีวิตของกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย เพราะในช่วงเวลาสี่วันนี้ พระองค์ไม่เพียงแต่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากทรัมป์อย่างเป็นประวัติการณ์เท่านั้น ทว่าการดำรงอยู่ในอำนาจการเป็นกษัตริย์ของพระองค์ถูกเผชิญกับคำถามต่างๆ ที่หนักหน่วงและร้ายแรง

     กษัตริย์ซัลมานก็เช่นเดียวกับบรรดากษัตริย์ก่อนหน้าพระองค์ที่นับตั้งแต่เริ่มต้นการขึ้นครองราชย์นั้น ต่างรู้ดีว่าไม่มีความเหมาะสมต่อการเป็นผู้นำโลกอิสลามตามที่ตนเองกล่าวอ้าง อีกทั้งไม่มีความสามารถในการปกครองอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ด้วยเหตุนี้เองก่อนอื่นใดและมากกว่าสิ่งใดทั้งหมดนั้นคือ เป้าหมายประการแรกเพื่อที่จะบรรลุสู่ความฝันและประการที่สองเพื่อการดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องของความฝันที่เกิดขึ้นจริงแล้วนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซบตักสหรัฐอเมริกา และแน่นอนในสมัยของทรัมป์เป็นผู้นำอเมริกาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงความจงรักภักดีและยอมเชื่อฟังเขามากยิ่งขึ้น

     ในสถานการณ์ปัจจุบัน กษัตริย์ซัลมานได้เรียกตัวเองว่าเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของทรัมป์ โดยขอให้เขาช่วยหนุนหลังเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรูภายในของตน และท้ายที่สุดได้ใช้จ่ายดอลลาร์ที่ได้จากการขายน้ำมันและการแสวงบุญของผู้ประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮ์เพื่อเป็นหลักประกันความอยู่รอดของตนในการเป็นกษัตริย์และการขึ้นสู่ตำแหน่งมกุฎราชกุมารของพระราชโอรสในพระองค์

    กษัตริย์ซัลมานได้เลือกกลยุทธ์ที่จะไปให้ถึงยังเป้าหมายของตนด้วยวิธีการถึงขั้นที่ว่า ตนเองและประเทศของตนได้ถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “โคนม” ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ปล่อยเป็นหน้าที่ของสื่อต่างๆ ของพระองค์ออกอธิบายแก้ต่างการดูถูกเหยียดหยามอันเป็นประวัติการณ์นี้ว่าเป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์และไม่แสดงการใส่ใจใดๆ ต่อคำพูดเหล่านั้น

     เมื่อทรัมป์ได้พูดถึงซาอุดิอาระเบียว่าเป็นเพียง “วัวนม” มุฮัมมัด บินซัลมานได้อธิบายเหตุผลคำพูดของทรัมป์ว่าเป็นการหาเสียงเลือกตั้งโดยมิได้ใส่ใจต่อความหมายของคำพูดนี้ ความหมายของประโยคคำพูดของทรัมป์ก็คือว่า “แม่วัวนมซาอุฯ ตราบที่มันยังให้น้ำนมก็จำเป็นที่จะต้องรีดนมมัน แต่เมื่อใดก็ตามที่ช่วงเวลาของการให้นมของมันสิ้นสุดลงก็สามารถที่จะเชือดวัวได้”

     เมื่อพิจารณาถึงการที่ทรัมป์โยนระเบิดใส่คิงค์ซัลมานและปฏิกิริยาที่อ่อนแออย่างมากของมกุฎราชกุมารต่อประเด็นนี้ ในการตอบข้อซักถามของบลูมเบิร์กที่บอกเพียงว่าคำพูดของทรัมป์ไม่ชัดเจน

     คำถามที่ดังกล่าว ขณะนี้ถึงเวลาของการเชือดกษัตริย์ซัลมานในโรงเชือดสัตว์ของทรัมป์แล้วหรือไม่ พยานหลักฐานและกรณีแวดล้อมต่างๆ ในช่วงวันเวลาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าหากแม้ว่าช่วงเวลาของการเชือดซาอุดีอาระเบียตามทัศนะคำพูดของทรัมป์ยังมาไม่ถึง แต่ทว่าเวลาของการเชือดกษัตริย์ซัลมานและการประกาศวันหมดวาระของการปกครองของซัลมานใกล้ที่จะมาถึงแล้ว

     ในประเด็นนี้มีข้อคิดเห็นสองประการที่น่าสนใจ เพื่อทำความเข้าใจในคำพูดของทรัมป์และการดูหมิ่นกษัตริย์ซัลมานของเขา

     ประการแรก ในระหว่างช่วงเวลาแค่เพียงสี่วันเท่านั้น หมายถึงระหว่างวันเสาร์ถึงวันอังคารของสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศความไม่พอใจของตนอย่างเป็นทางการถึงสองครั้งว่าเขาไม่พอใจต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบอบซาอุฯ โดยที่ทรัมป์ได้กล่าวว่า เขาได้บอกกับกษัตริย์ซาอุฯ ว่าหากปราศจากการสนับสนุนของวอชิงตัน ซาอุฯ จะไม่สามารถอยู่ในอำนาจได้แม้เพียงสองสัปดาห์และแน่นอนเขาได้ทำให้คำพูดนี้สมบูรณ์ในระยะเวลาห่างกันเพียงสี่วัน โดยกล่าวในครั้งที่สองว่า กษัตริย์ซาอุฯ มีเงินหลายล้านล้านดอลลาร์และหากไม่มีสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครรู้ว่าอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นบนหัวของซาอุดิอาระเบีย

    การคิดใคร่ครวญในคำพูดของทรัมป์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมุ่งเน้นไปที่ระยะเวลาสองสัปดาห์ของการปกครองของซัลมานในกรณีที่ปราศจากการสนับสนุนของทรัมป์ ในความเป็นจริงไม่ใช่คำเตือน แต่เป็นคำขู่ประมาณว่า หากกษัตริย์ซัลมานไม่พยายามในการทำให้ความต้องการต่างๆ ของสหรัฐฯ บรรลุความเป็นจริงแล้วเขาสามารถที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ภายในพริบตา ตัวพระองค์เองรู้ดีกว่าใครทุกคนว่านี่เป็นการขู่ที่จริงจังและสหรัฐอเมริกา และทรัมป์มีข้อมูลที่สามารถประเมินจุดอ่อนและความเปราะบางด้านความมั่นคงของซาอุดีอาระเบียมากที่สุด ซึ่งแน่นอนหากในกรณีที่จำเป็นพวกเขาจะไม่ลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้

     ประการที่สองในแผนการการแต่งตั้งมุฮัมมัด บินซัลมานเป็นมกุฎราชกุมารและการปลดมุฮัมมัด บินนายิฟนั้น ทรัมป์ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกษัตริย์ซัลมานและพระราชโอรสของเขา ซึ่งการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการข่มขู่บรรดาผู้ต่อต้านทั้งหมด ทั้งบรรดาเจ้าชายภายในราชวงค์และพลเรือนจนนิ่งเงียบ ตลอดจนให้การสนับสนุนมาตรการที่เรียกว่า การปฏิรูปของมุฮัมมัด บินซัลมาน นอกจากนี้ทรัมป์ยังไม่ได้ทอดทิ้งกษัตริย์ซัลมานและมกุฎราชกุมารให้อยู่อย่างเดียวดายในเวทีทางการเมืองระดับภูมิภาคของซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเยเมน

     ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นที่ชัดเจนว่า อย่างน้อยที่สุดความคาดหมายของทรัมป์จากกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ในการจัดหาตลาดน้ำมันโดยไม่มีอิหร่านร่วมอยู่ด้วยนั้น จะไม่มีคำตอบอื่นใดสำหรับกษัตริย์ซัลมาน นอกจากคำตอบด้วยประโยคที่ว่า "เป็นไปไม่ได้" หรือ “เราไม่สามารถทำได้”

     เป็นที่ชัดเจนว่าบรรดาเจ้าชายซาอุฯ ที่อ้างสิทธิในอำนาจที่เป็นเหมือนหมาป่าที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งกำลังเฝ้ารอโอกาสในสถานการณ์ที่กษัตริย์ซัลมานประสบความล้มเหลวในการสานความฝันต่างๆ ของทรัมป์ให้เป็นจริงได้นั้น บรรดาเจ้าชายของราชวงค์ซาอุฯ จะกลับมาเป็นพันธมิตรกลุ่มแรกของทรัมป์

     จากวันแรกของการเริ่มต้นแผนการอุ้มชูกษัตริย์ซัลมาน เป็นที่ชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกายังคงเก็บบรรดาฝ่ายต่อต้านกษัตริย์ซัลมานไว้เป็นศัตรูภายใน ทรัมป์ยังคงเก็บแผนการนี้ไว้ในกล่องตัวเลือกต่างๆ ของตน ซึ่งดูเหมือนว่ากษัตริย์ซัลมานมีเวลาเหลืออีกไม่มากนักที่จะถึงจุดสิ้นสุดของอำนาจของตน เนื่องจากการยกระดับของการผลิตน้ำมันให้เป็นไปตามความต้องการของทรัมป์นั้นจะทำให้ความเสี่ยงของการล่มสลายทางเศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียทวีความรุนแรงมากขึ้น และการดื้อดึงต่อคำสั่งของทรัมป์ก็จะทำให้แผนการปลดออกจากอำนาจ ภายในเวลาสองสัปดาห์ถูกนำมากล่าวถึงอีก

    ในช่วงเวลานี้การหามิตรในระดับภูมิภาคขอกษัตริย์ซาอุฯ เพื่อที่จะออกจากวิกฤตนี้ได้หยุดชะงักลงที่สถานีคูเวต และราคาน้ำมันในโอเปคจะไปถึงระดับสูงสุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และท้ายที่สุดความล้มเหลวของโครงการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐอเมริกาได้เชื่อมโยงกับสมการนี้ในทุกด้าน เป็นไปได้ว่าในช่วงเวลานี้กษัตริย์ซัลมานกำลังครุ่นคิดมากยิ่งขึ้น ในวันสิ้นสุดการครองราชย์ของตนจะถูกประกาศออกมาอย่างไร และความฝันของกระบวนการสนับสนุนให้ซาอุดิอาระเบียเป็นของกษัตริย์ซัลมาน (SalmaniZation) จะยังคงอยู่ในสายตาของทรัมป์หรือไหมอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป


ที่มา : อัล-อาลัม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม