ริยาดจะถูกล้มล้างหากไม่มีการสนับสนุนจากสหรัฐฯ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองได้กล่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางทหารของสหรัฐอเมริกากับซาอุดิอาระเบียว่า : สหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบียมีความสัมพันธ์ทางทหารและเศรษฐกิจต่อกันอย่างใกล้ชิด บรรดาเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากการพึ่งพาสหรัฐฯ และอาวุธของอเมริกาได้….

      รายการทางโทรทัศน์ "Al Hiwar" ได้นำเสนอเกี่ยวกับอนาคตของซาอุดิอาระเบีย โดยมี 5วิทยากรร่วมรายการสนทนาจากฝ่ายต่อต้านราชวงศ์ซะอูด ในประเด็นความสัมพันธ์ของซาอุดิอาระเบียที่มีต่อสหรัฐอเมริกา

      อับดุลลอฮ์ อัล- ฆอมิดี กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางทหารของสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบียว่า : สหรัฐฯ และซาอุดิอาระเบียมีความสัมพันธ์ทางทหารและเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดต่อกัน สหรัฐอเมริกาสำหรับซาอุดิอาระเบียนั้นอยู่ในฐานะน้ำและอาหาร บรรดาเจ้าหน้าที่ซาอุฯ ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากจากการพึ่งพาสหรัฐฯ และอาวุธของอเมริกาได้ หรือหากพวกเขาคิดดังที่กล่าว (การปลดปล่อยตนเองจากการพึ่งพาสหรัฐฯ) ในความเป็นจริงแล้วเท่ากับว่าพวกเขากำลังขุดหลุมฝังศพให้กับตัวเอง เป็นไปได้ที่ซาอุดิอาระเบียอาจจะซื้ออาวุธจากรัสเซียและจีนหรือยุโรป แต่การซื้อเหล่านี้เป็นแค่เพียงให้มีอาวุธหลากหลายเท่านั้น เนื่องจากผู้วางรากฐานของกองทัพซาอุดิอาระเบียนั้นคือสหรัฐอเมริกา หากบรรดาเจ้าหน้าที่ของซาอุดิอาระเบียคิดที่จะเป็นอิสระจากสหรัฐฯ แม้เพียงพริบตาเดียว พวกเขาจะถูกทำลาย

      ซุลฏอน อัล-อับดิลี กล่าวว่า : "ทุกคนรู้ดีว่า ระบอบการปกครองของซาอุดีอาระเบียถูกสร้างขึ้นโดยอังกฤษ ในช่วงเวลาซึ่งหลายครั้งที่กษัตริย์อับดุลอะซีซต้องการที่จะเข้าสู่ริยาด เขาถูกต่อต้านและประชาชนในคาบสมุทรอาหรับปฏิเสธเขา แต่เมื่อเขาประกาศว่าเขาจะปฏิบัติตามมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ และจะทำให้ศาสนาและบทบัญญัติเข้มแข็ง ประชาชนของคาบสมุทรอาหรับได้หันไปหาเขา ในความเป็นจริงแล้ว ในการยอมรับเขา (มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮ์ฮาบ) นั้นไม่ใช่เพราะตัวเขา เราได้ใช้ความพยายามอย่างมากมายเพื่อที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่ากษัตริย์อับดุลอะซีซนั้น เป็นเพียงหุ่นเชิดของอังกฤษ แต่ด้วยกับการขึ้นสู่อำนาจของบินซัลมานในด้านหนึ่งและโดนัลด์ ทรัมป์ในอีกด้านหนึ่ง ทำให้ประเด็นมากมายเป็นที่ชัดเจนขึ้น ทรัมป์กล่าวว่า ถ้าหากเราไม่ปกป้องพวกท่าน (ซาอุดิอาระเบีย) แล้ว พวกท่านก็จะถูกโค่นล้ม และพวกท่านจะไม่สามารถคงอยู่ได้แม้เพียงสองสัปดาห์ นับจากช่วงเวลาที่บินซัลมานได้ขึ้นมาสู่อำนาจ ประชาชนและชนชั้นนำได้ออกห่างไปจากรัฐบาล ในซาอุดิอาระเบียไม่มีใครต้องการให้บินซัลมานอยู่ในอำนาจเนื่องจากเขาทำให้ประชาชนตกอยู่ในการกดดันทางเศรษฐกิจ

     คอลิด บินฟาร์ฮาน กล่าวว่า : ในหนังสือพิมพ์อาหรับและตะวันตกเราได้เห็นการ์ตูนล้อเลียนมากมายที่แสดงให้เห็น "มุฮัมมัด บินซัลมาน" ว่าเป็นถุงเงินที่สหรัฐอเมริกาจะใช้ประโยชน์จากมัน โดนัลด์ ทรัมป์ ในการพบปะกับบินซัลมาน ได้แสดงการดูถูกเหยียดหยามเขา และทุกคนก็ได้เห็นสิ่งนี้แล้ว

      ยะห์ยา อัล-อะซีรี กล่าวว่า : การกดดันต่างๆ ต่อซาอุดิอาระเบียนั้นมีสูงมาก การกดดันเหล่านี้แทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนซาอุดิอาระเบีย แต่การกดดันต่างๆ ของทรัมป์กลับเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา และไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อประชาชนซาอุดิอาระเบียเลย อย่างไรก็ตามเราเป็นผู้สนับสนุนประเทศซาอุดิอาระเบียและเราคัดค้านการกดดันต่อประชาชนซาอุดีอาระเบีย

     ซะอัด อัล-ฟะกีฮ์ ได้กล่าวเกี่ยวกับอำนาจทางน้ำมันว่า : สหรัฐฯ ให้ความสำคัญต่อซาอุดีอาระเบียมาตั้งแต่เดิมแล้ว เพราะมีเป้าหมายหลายประการ ประการแรก คือการควบคุมน้ำมัน ประการที่สอง คือการรักษาความมั่นคงของอิสราเอล และประการที่สาม คือการจำกัดอำนาจของโลกอิสลาม วิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมอำนาจของโลกอิสลามก็คือการหลอกลวงบรรดาผู้ปกครองของซาอุดีอาระเบียและ (ผู้ดูแล) สองฮะรัมศักดิ์สิทธิ์ (มักกะฮ์และมะดีนะฮ์) ของชาวมุสลิมและทำให้อำนาจของพวกเขาอ่อนแอลง ซาอุดีอาระเบียจะต่อต้านทุกขบวนการอิสลามที่พูดความจริงต่างๆ และเปิดโปงความมดเท็จของราชวงศ์ซะอูด

     ซะอัด อัล-ฟะกีฮ์ ได้กล่าวถึงการปกป้องราชวงศ์ซะอูดของสหรัฐฯ ว่า : ถ้าหากภายในประเทศมีกองกำลังที่แท้จริงกลุ่มหนึ่งต่อต้านราชวงศ์ซะอูด สหรัฐอเมริกาและรัสเซียและประเทศอื่นๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

     อับดุลลอฮ์ อัล-ฆอมิดี กล่าวว่า : ครอบครัวที่ปกครองซาอุดิอาระเบียเป็นรัฐบาลปราบปรามประชาชนที่สนองตอบผลประโยชน์ต่างๆ ของตะวันตก แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญใดๆ ต่อผลประโยชน์ของประชาชน ประชาชนในซาอุดิอาระเบียพร้อมที่จะลุกขึ้นและเคลื่อนไหว และนับจากช่วงทศวรรษที่ 1980 พวกเขาได้มีการสละชีพและได้ประกาศการคัดค้านของพวกเขา แต่ในกรณีของการยืนหยัดต่อสู้ใหญ่นั้นเราคาดหวังมาตั้งแต่ปี 2000 ว่ามันจะเกิดขึ้น


ที่มา : สำนักข่าว IRIB

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม