การปรากฏตัวของซุฟยานีหนึ่งในสัญญาณที่ชัดแจ้ง

      การปรากฏตัวของซุฟยานี คือหนึ่งในสัญญาณที่แน่นอนตายตัวของการปรากฏตัว (ซุฮูร) ของผู้ช่วยให้รอด ในทัศนะของชาวชีอะฮ์ [1] ตามความเชื่อของพวกเขา ซุฟยานีซึ่งเป็นศัตรูของฮุจญะฮ์ บินฮะซัน (อิมามมะฮ์ดี) นั้น จะมีบทบาทมากที่สุดในสงครามต่างๆ ก่อนการปรากฏตัว (ซุฮูร) [2] ด้วยกับการแสดงตนในความเคร่งครัดศาสนา เขาจะหลอกลวงชาวมุสลิมจำนวนมากได้ และเขาจะเริ่มต้นการจลาจลจากแผ่นดินชาม (ประเทศซีเรีย) และจะครอบครองอิรักและแผ่นดินฮิญาซได้หลังจากสงครามต่างๆ หลายครั้ง และท้ายที่สุดเขาจะถูกฆ่าด้วยมือของฮุจญะฮ์ บินฮะซัน (อิมามมะฮ์ดี) [3]

การเกิดขึ้นอย่างแน่นอนของการจลาจลของซุฟยานี

      ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก ได้กล่าวในริวายะฮ์ (คำรายงาน) บทหนึ่ง ในหนังสือบิฮารุ้ลอันวาร [4] เกี่ยวกับการจลาจลที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนของซุฟยานีว่า : [5]

“ซุฟยานีเป็นหนึ่งในสัญญาณของ “ซุฮูร” (การปรากฏตัวของมะฮ์ดี) และการออกมาของเขา นับจากช่วงเริ่มต้นจนถึงการสิ้นสุดนั้น จะใช้เวลาสิบห้าเดือน...”

      ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) อีกบทหนึ่งจากท่านอิมามอะลี :

“หลังจากการปรากฏตัวของซุฟยานี ท่านทั้งหลายจงนับเวลาของเขาไปเท่ากับระยะเวลาของการตั้งครรภ์ (ประมาณ 9 เดือน)”

ช่วงเวลาเริ่มต้นของการจลาจล

      ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) อีกบทหนึ่ง [6] จาก (อิมาม) ญะอ์ฟัร ซอดิก การจลาจลของซุฟยานีจะเกิดขึ้นในเดือนรอญับ [7]

การจลาจลของซุฟยานี

      ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) จำนวนมาก การขับเคลื่อนของซุฟยานี จะเริ่มต้นจากหุบเขายาบิซ (วาดี ยาบิซ) [8] แต่ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) ในหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของอิบนุ ฮะมาด [9] โดยอ้างจากมุฮัมมัด บินญะอ์ฟัร บินอะลี นั้น จุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวของซุฟยานี จะเกิดจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “เอนเดรีย” เขาจะมีผู้ร่วมทาง 7 คน [10] ตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) ต่างๆ นั้น การจลาจลของเขาจะมีสามขั้นตอน คือ :

- ความมั่นคงของอำนาจ

- สงครามในอิรัก

- การกลับไปยังเมืองชาม

ความมั่นคงของอำนาจ

      ในช่วงเริ่มแรกนั้น ซุฟยานีจะก่อจลาจล และหลังจากการทำสงครามอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน เขาจะพิชิต 5 พื้นที่ได้ ซึ่งได้แก่ ดามัสกัส จอร์แดน ฮอมส์ ปาเลสไตน์และกินนัสรีน (Qinnasrin) [11] [7] หลังจากนั้นเขาจะพิชิตแผ่นดินชาม (ชามาต) ทั้งหมดได้ ยกเว้นเลบานอน และจะทำการปกครองเหนือดินแดนดังกล่าว [12] [13]

สงครามในอิรัก

      หลังจากพิชิตพื้นที่ทั้งหมดแล้ว เขาจะยกทัพไปยังอิรักและฮิญาซ (ซาอุดิอาระเบีย) [7] เป้าหมายหลักของเขาในการเข้าสู่อิรัก คือการจัดการกับกองทัพของอิหร่านที่ต้องการจะพิชิตซีเรียและอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) โดยผ่านเส้นทางของอิรัก [14] หลังจากนั้น กองทัพของซุฟยานีจะเข้าสู่เมืองกิรกีซียา (Circesium)

สงครามกิรกีซียา (Circesium)

      หลังจากที่ซุฟยานีได้เข้าสู่พื้นที่กิรกีซียาแล้ว จะเกิดสงครามขึ้นซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “สงครามกิรกีซียา (Circesium)” กิรกีซียา เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางเข้าลำธารบูค๊อร บนแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นเพียงซากปรักหักพังที่อยู่ใกล้เมืองดัยรุซซูร (Deir Ezzor) ใกล้ชายแดนซีเรียกับอิรัก [15]

      สงครามกิรกิซียา จะเกิดขึ้นในบริเวณเขตชายแดนติดต่อระหว่างซีเรีย อิรักและตุรกี เหตุผลหลักของสงครามนี้ คือการปรากฏของขุมทรัพย์ในยูเฟรติส [14] ขุมทรัพย์นี้จะเป็นในรูปของภูเขาทองคำและเงินที่ถูกดึงออกมาจากแม่น้ำยูเฟรติส [16] ประชาชนทั้งหมดจะมุ่งหน้าเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้เพื่อที่จะไปยังขุมทรัพย์ดังกล่าว และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองสงครามที่หนักหน่วงจึงเกิดขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การเสียชีวิตหลายแสนคน [14]

      ในริวายะฮ์ (คำรายงาน) ของชีอะฮ์ [17] สงครามครั้งนี้จะถูกกล่าวถึงในนาม “สำรับแห่งพระเจ้า” เนื่องจากในสงครามครั้งนี้ซุฟยานีจะทำสงครามกับ “อับเกาะอ์” และ “อัศฮับ” ซึ่งเป็นศัตรูร่วมกันของซุฟยานีและของชาวชีอะฮ์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ทหารจำนวนมากของซุฟยานีถูกฆ่าตาย [18] ในสงครามครั้งนี้ซุฟยานีจะชนะเหนืออับเกาะอ์และอัศฮับ และเขาจะฆ่าบุคคลทั้งสอง ในสงครามครั้งนี้จำนวนหนึ่งแสนคนจะถูกฆ่าตาย [18] แล้วหลังจากนั้นซุฟยานีจะส่งกองทัพจำนวนเจ็ดหมื่นคนของเขาไปยังเมืองกูฟะฮ์ (ในประเทศอิรัก) [19]

การยึดครองอิรัก

      ผู้ปกครองอิรักในช่วงการโจมตีของกองทัพซุฟยานีนั้น เป็นบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “ชัยซอบานี” [20] กองทัพของซุฟยานีซึ่งประกอบด้วยกำลังทหารจำนวนหนึ่งแสนสามหมื่นคน [15] จะเข้าสู่อิรักจากทิศตะวันตก และจะโจมตียังกองกำลังทหารของชัยซอบานี และจะทำลายกองกำลังทหารทั้งหมดของเขาลง [20] ด้วยกับการพิชิตเหนืออิรัก ซุฟยานีจะทำการเข่นฆ่าหนักหน่วง [20] [21] กองทัพของซุฟยานีจะตั้งมั่นอยู่ในเมืองแบกแดด, อัลอันบาร์, ศอร๊อต, ฟารูก และรูฮา [22]

      กองทัพของซุฟยานีในอิรักจะไม่เผชิญกับกองกำลังต้านทานใดๆ จะมีก็แต่เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่นำโดยบุรุษอาญัม (ไม่ใช่อาหรับ) ผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นชาวกูฟะฮ์ที่จะเผชิญหน้ากับเขา แต่แล้วผู้บัญชาการกองทัพของซุฟยานีก็จะทำการเข่นฆ่าเขาและกองกำลังของเขา ในเขตพื้นที่ระหว่างเมืองฮัยเราะฮ์และเมืองกูฟะฮ์ [23]

      เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากการปกครองของซุฟยานี ก็จะมีข่าวไปถึงเขาว่า กองทัพของอิหร่านได้เริ่มออกเดินทางมุ่งสู่อิรักเพื่อเข้าสมทบกับกองทัพของมะฮ์ดี [24] เหตุผลหลักของการไม่เผชิญหน้าครั้งนี้ก็คือว่า ซุฟยานีต้องการที่จะทำการโจมตีหลังจากการเข้าสมทบของกองกำลังของอิหร่านและกองกำลังของเยเมนกับกองทัพของมะฮ์ดี และจะทำการบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดภายในครั้งเดียว [24]

การถูกธรณีสูบของกองทัพซุฟยานี

      ผู้ปกครองฮิญาซซึ่งไม่สามารถจัดการกับกองทัพของฮุจญะฮ์ บินฮะซันได้นั้น จะเรียกร้องให้ซุฟยานีมาช่วยเขา [25] ซุฟยานีจะแบ่งกองทัพของเขาออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งจะส่งไปยังเมืองชามและอีกครึ่งหนึ่งจะส่งไปยังฮิญาซ [26] ในช่วงเริ่มต้นนั้นกองกำลังของเขาจะยึดครองเมืองมะดีนะฮ์ และจะทำการสังหารหมู่ชาวชีอะฮ์ของเมืองนี้ทั้งหมด [27] ต่อจากนั้นกองกำลังทหารจำนวนหนึ่งหมื่นสองพันคนของซุฟยานีจะมุ่งหน้าสู่เมืองมักกะฮ์ [15] ในระหว่างที่กองทัพของซุฟยานีกำลังมุ่งหน้าไปเพื่อทำการพิชิตเมืองมักกะฮ์และกะอ์บะฮ์นั้น พวกเขาจะเผชิญกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดในทะเลทรายบีดาอ์ และทั้งหมดจะถูกธรณีสูบ ยกเว้นเพียงสองหรือสามคน [28] [15]

การกลับไปยังเมืองชาม

      สงครามในอะฮ์วาซ  กองกำลังของฮุจญะฮ์ บินฮะซัน โดยการบัญชาการของ "ชุอัยบ์ บินซอและห์" [29] [30] ซึ่งตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ภูเขาซะฟีด (ภูเขาสีขาว) ใกล้กับเมืองเมืองฮิสตัคร์ (Estakhr) จะทำการสู้รบกับทหารที่เหลืออยู่ของซุฟยานีในอิรัก ซึ่งเป็นสงครามที่จะรู้จักกันในนาม “สงครามอะฮ์วาซ” [30]

      สงครามในอัลกุดส์ (กรุงเยรูซาเล็ม)  หลังจากสงครามอะฮ์วาซ กองกำลังทหารของอิหร่านจะนำทัพมุ่งสู่เมืองชาม พร้อมกับกองทัพของฮุจญะฮ์ บินฮะซัน [31] และจะตั้งค่ายพักในหมู่บ้าน “มะรัจญ อัซรอ” (Adra) ในระยะทางห่างจากดามัสกัส 30 กิโลเมตร [31] ในช่วงเวลานี้เอง ซุฟยานีจะไปพบกับฮุจญะฮ์ บินฮะซัน และจะยอมมอบตัว [32] แต่ต่อมาภายใต้การเกลี้ยกล่อมโดยญาติและผู้สนับสนุนของเขา เขาจะเลิกล้มจากการยอมมอบตัว และจะล่าถอยออกจากดามัสกัสและเดินทางไปยังเมืองรอมละฮ์ (Ramla) ในปาเลสไตน์ [31] ชุอัยบ์ บินซอและห์พร้อมกับกองกำลังทหารของเขาประมาณหนึ่งล้านคน [33] หลังจากผ่านเมืองชามแล้วจะไปยังปาเลสไตน์ และสงครามขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นระหว่างพวกเขากับกองทัพและบรรดาผู้สนับสนุนของซุฟยานีในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ ฏอบรียะฮ์ (Galilee), เอกา (เอเคอร์/Acre) และอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) ซึ่งจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของซุฟยานี [33]

ผลสุดท้ายของการจลาจลของซุฟยานี

หลังจากความปราชัยหลายครั้งของกองกำลังทหารของซุฟยานีในสงครามอะฮ์วาซ และสงครามอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) และเหตุการณ์ถูกธรณีสูบของกองกำลังทหาร เขาจะถูกจับกุมโดยทหารคนหนึ่งของฮุจญะฮ์ บินฮะซัน และถูกฆ่าใกล้ๆ กับทะเลสาปฏ็อบรียะฮ์ (Sea of Galilee) ในบริเวณทางเข้าของอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) [31]


แหล่งที่มา :

- จากวิกิพีเดียสารานุกรมเสรี

- ดูเชิงอรรถ ในลิงค์ : fa.wikipedia.org/wiki/خروج_سفیانی#cite_note-mouood-15


แปล/เรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม