ซาอุดีอาระเบียกับความพยายามอย่างไร้แก่นสารที่จะออกจากหล่มสงครามในเยเมน

การพังทลายทางการเงินและการทหารของซาอุดีอาระเบียในเยเมนและการขาดแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตินี้ภายใต้กรอบผลประโยชน์ของริยาดนั้นมากเกินกว่าที่ซาอุดิอาระเบียจะแบกรับได้และได้กลายเป็นความกังวลที่ใหญ่หลวงที่สุดของซาอุดิอาระเบียไปแล้ว

     โทรทัศน์อัลจาซีร่า ได้เขียนไว้ในเว็บไซต์ข่าวของตนในบทความหนึ่งว่า มุฮัมมัด บินซัลมาน มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย ไม่มีหวังใดๆ ที่จะสำคัญยิ่งไปว่าการหยุดการติดหล่มของซาอุดีอาระเบียในเยเมน  เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาได้ประกาศจากกรุงไคโรว่า การสิ้นสุดสงครามของซาอุฯ ในเยเมนนั้นใกล้แล้ว ในขณะที่ถ้อยแถลงของเขาตรงกันข้ามกับความเป็นจริงทางภาคสนามและทางการเมืองที่มีอยู่ในสงครามเยเมน สงครามที่ไม่เพียงแต่ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ สำหรับซาอุดีอาระเบีย ยิ่งไปกว่านั้นยังนำความสูญเสียมากมายอย่างต่อเนื่องมาสู่ประเทศซาอุดิอาระเบียเอง

     บินซัลมานได้กล่าวในระหว่างการเดินทางไปอียิปต์ของตนว่า สงครามเยเมนกำลังจะยุติลง และเป้าหมายต่างๆ ที่ซาอุดีอาระเบียต้องการเกี่ยวกับนำความชอบธรรมกลับคืนมาสู่อำนาจในการจัดการกับกองกำลังของกลุ่มอัลฮูซีนั้นได้บรรลุความเป็นจริงแล้ว ในขณะที่กองกำลังต่างๆ ในเครือของริยาดซึ่งซาอุดีอาระเบียได้กล่าวถึงในนามอำนาจที่ชอบธรรมในเยเมนนั้น มีสภาพที่กระจัดกระจาย และกำลังนำประเทศไปสู่ทิศทางของการแบ่งแยกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้กองกำลังของซาอุดิอาระเบียยังได้ติดหล่มเยเมนมากกว่าที่ผ่านมา

     ข้อมูลและข้อเท็จจริงในภาคสนามไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดของสงครามซาอุดิอาระเบียในเยเมนในระยะเวลาอันใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราต้องการจินตนาการว่าการสิ้นสุดของสงครามนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับการบรรลุเป้าหมายตามที่ ริยาดประกาศและการทำลายความประสงค์ของบรรดาศัตรูของซาอุดีอาระเบียหรือการบรรลุข้อตกลงและสนธิสัญญาที่ซาอุดีอาระเบียต้องการ อย่างไรก็ดีเป็นไปได้ที่ว่าการสิ้นสุดนี้อาจหมายถึงการหนีออกจากสนามสงครามโดยไม่คำนึงถึงเป้าหมายที่ต้องการ อันเป็นผลมาจากความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นและความเสียหายต่างๆ ของซาอุดิอาระเบียและความซับซ้อนทางภาคสนามและทางการเมืองในประเด็นนี้

     บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่าคำพูดของมุฮัมมัด บินซัลมาน เป็นคำพูดที่ไม่ได้คำนึงถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ของสนามรบ  เช่นเดียวกับที่เขาได้กล่าวไว้ในหลายๆ กรณีที่คล้ายคลึงกัน และจุดประสงค์ก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ปัญหาสำคัญใดๆ สำหรับซาอุดิอาระเบียและเป็นการปฏิเสธผลพวงต่างๆ ที่อันตรายในระยะยาวของนโยบายของซาอุดีอาระเบียในกรณีของเยเมน หรือกรณีอื่นๆ อีกจำนวนมากที่เกิดขึ้นในช่วงการเป็นมกุฎราชกุมารของมุฮัมมัด บินซัลมาน

    นักวิเคราะห์บางคนประเมินถ้อยแถลงดังกล่าวและการเดินทางเยือนอังกฤษและสหรัฐอเมริกาของมกุฎราชกุมารของซาอุดิอาระเบียว่า เป็นความพยายามของริยาดที่จะขอความช่วยเหลือจากประเทศเหล่านี้ในการออกจากฝันร้ายของเยเมน ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียต่างๆ ที่หนักหน่วงต่อประเทศซาอุฯ ทั้งในด้านมนุษยธรรม ด้านการทหารและทางด้านการเงิน

    ราเจซ บอยซ์ นักเขียนชาวอังกฤษได้เขียนในหนังสือพิมพ์ไทมส์ของอังกฤษว่า อนาคตของซาอุดีอาระเบียขึ้นอยู่กับชัยชนะในสงครามเยเมน และแผนการต่างๆ ของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียในการเสริมสร้างอำนาจและการสร้างความชอบธรรมสมัยใหม่ของตนนั้นจะไม่บรรลุความเป็นจริงได้นอกจากภายใต้ชัยชนะและการยุติความขัดแย้งกับกับกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ในเยเมนเท่านั้น

     เขาอธิบายว่า สงครามนี้ไม่ใช่แค่ภายในเยเมนเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปทุกพื้นที่ของการต่อสู้ในซาอุดีอาระเบียและพื้นที่ชายแดนของเยเมน เช่นในจังหวัดญาซานและนัจรอนด้วย สงครามเหล่านี้ครอบถึงการกำหนดเป้าหมายไปที่กรุงริยาดเมืองหลวงของซาอุดิอาระเบียและพื้นที่อื่นๆ ของประเทศนี้ โดยขีปนาวุธ ภายใต้กรอบแผนต่อต้านกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ด้วยเช่นกัน

     สิ่งที่ทำให้สภาพวิกฤตของซาอุดิอาระเบียอันเป็นผลมาจากสงครามครั้งนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นนั้น ก็คือการที่งบประมาณของประเทศนี้ประสบกับความสั่นคลอนอันเป็นผลมาจากความพยายามต่างๆ ทางด้านการทหารในเยเมนและการสกัดกั้นขีปนาวุธของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ สงครามเยเมนมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน นั่นหมายถึง 5 พันล้านเหรียญต่อเดือนและ 6 หมื่นล้านเหรียญต่อปี

    อีกข้อมูลหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การสูญเสียและความพ่ายแพ้ของซาอุดิอาระเบียในสงครามครั้งนี้สูงกว่าตัวเลขนี้ สงครามครั้งนี้อยู่ในกรอบของแผนป้องกันที่กลุ่มอันซอรุลลอฮ์ได้วางไว้ และได้ดึงแหล่งการเงินจำนวนมากของประเทศซาอุดิอาระเบียไปสู่การถูกทำลายโดยที่ประเทศนี้ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เลย ในขณะที่สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางภาคสนามและทางการเมืองของซาอุดิอาระเบียกำลังเคลื่อนไปสู่ความซับซ้อนและความวุ่นวายด้านความมั่นคงมากขึ้นและไม่มีขอบฟ้าที่ชัดเจนสำหรับสงครามครั้งนี้

    ราเจซ ซึ่งดำเนินรอยตามการเมืองซาอุดิอาระเบียในการเชื่อมโยงอิหร่านเข้ากับสงครามในเยเมน เขากล่าวว่า อิหร่านได้ทำให้มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียตกลงสู่กับดักและต้องการที่จะเปลี่ยนเยเมนให้กลายเป็นเวียดนามของซาอุดิอาระเบีย และทำให้เกิดการพังทลายของทรัพยากร (ทางการเงิน) ของประเทศนี้  นับจากเดือนมีนาคม 2015 จนถึงขณะนี้กองกำลังของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ได้ยิงขีปนาวุธระยะใกล้และขีปนาวุธระยะไกลหลายร้อยลูกไปยังดินแดนของซาอุดีอาระเบีย  ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการสกัดขีปนาวุธด้วยระบบแพทริออตเพียงลูกเดียวมีค่าใช้จ่ายสำหรับซาอุดีอาระเบียถึง 3 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทางออกที่ตีบตัน

    ในขณะนี้บินซัลมานและโครงการที่กระหายสงครามของเขากำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่หนักหน่วงและเพิ่มขึ้นในทุกวัน เพื่อที่จะทำให้โศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นจากการก่ออาชญากรรมต่างๆ ของกลุ่มพันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบียในประเทศเยเมนได้หยุดลง  แต่กระนั้นก็ตามไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้เพียงเล็กน้อยในสงครามนี้ ที่จะทำให้ซาอุดีอาระเบียได้ออกจากสงครามนี้อย่างมีเกียรติ

    องค์การสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ประณามการรุกรานต่างๆ ของซาอุดีอาระเบียในสงครามครั้งนี้  รัฐบาลของประเทศเยอรมนี นอร์เวย์ แคนาดาและรัฐสภายุโรป ได้อนุมัติกฎหมายเพื่อยุติการส่งออกอาวุธไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อไม่ให้อาวุธเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการโจมตีพลเรือนในเยเมน

    ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีกระบวนการใดๆ ที่จะสามารถทำให้มุฮัมมัด บินซัลมานออกจากหล่มในเยเมนได้  ด้วยเหตุนี้เองบางคนเชื่อว่า ถ้อยแถลงของเขาที่เกี่ยวกับกรณีทีว่าสงครามเยเมนจะสิ้นสุดลงในเวลาอันใกล้นี้ เพื่อยับยั้งการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มประเทศอาหรับเกี่ยวกับการดำเนินอยู่อย่างยืดเยื้อของสงคราม และควบคุมผลกระทบต่างๆ ของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทเรซา นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แม้อาจจะเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อและการใช้ประโยชน์ทางการเมืองก็ตาม  นางก็ได้พูดถึงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่มีอยู่ในเยเมน

    คอลิด อัลอานิซี นักวิเคราะห์การเมืองชาวเยเมนเชื่อว่า แนวปฏิบัติของซาอุดิอาระเบียและกลุ่มพันธมิตรอาหรับมีความขัดแย้งกันและไม่มียุทธวิธีที่แน่ชัด สิ่งที่ซาอุดีอาระเบียต้องการคือการยอมจำนนของชาวเยเมนและการสร้างระบอบการปกครองในเยเมนที่ขึ้นกับประเทศของตน เขาเสริมว่า แนวทางของบินซัลมานสำหรับการยุติสงครามจำเป็นจะต้องวางอยู่บนประเด็นที่ว่ากลุ่มอันซอรุลลอฮ์ พร้อมที่จะยุติสงครามนี้และเข้าสู่การเจรจา แต่คำพูดที่ขัดแย้ง (กับการปฏิบัติ) ทั้งหมดนี้ได้ออกมาจากประเทศเดียวที่แสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กและไร้ประโยชน์

    ฎ็อบฟุลลอฮ์ อัชชามี สมาชิกสำนักงานการเมืองของกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ เชื่อว่า คำพูดของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียไม่มีอะไรใหม่ แต่บ่งบอกว่าเขากำลังแสวงหาทางออกจากวิกฤตนี้ และนั่นก็อยู่ในสถานการณ์ที่ชาวเยเมนได้ตัดสินใจอย่างมั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่จะเผชิญหน้ากับการรุกรานของซาอุดิอาระเบีย

    หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์สเขียนในเรื่องนี้ว่า ตัวบ่งชี้ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า การพังทลาย (ทางด้านการเงินและการทหาร) อย่างหนักของซาอุดิอาระเบียในเยเมนและและการขาดแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตินี้ภายใต้กรอบผลประโยชน์ของริยาดนั้นมีมากเกินกว่าที่บินซัลมานและเจ้าหน้าที่รัฐบาลองซาอุดิอาระเบียจะแบกรับมันได้ และการบรรลุสู่วิธีแก้ไขต่อปัญหานี้โดยที่จะนำไปสู่ชัยชนะที่ชัดเจนของอิหร่านในเวทีนี้ ได้กลายเป็นความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของซาอุดิอาระเบีย


ที่มา : ตัสนีม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม