เมื่อความจริงกำลังได้รับการเปิดเผยและความเท็จจะถูกประจาน

สหรัฐกล่าวหาว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ข้อหานี้เคยถูกใช้มาแล้วใน ค.ศ 2017 และถูกนำมาใช้อีก ใน ค.ศ. 2018

ความจริง 1 สหรัฐอเมริกา อังกฤษและฝรั่งเศส ยิงขีปนาวุธมากกว่า 100 ลูกถล่มกรุงดามัสมัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย แบบม้วนเดียวจบแล้วเลิกไปเลย สำนวนชาวบ้านเขาเรียกวา "ตีหัวเข้าบ้าน" ทั้งนี้เพราะกลัวรัสเซียตอบโต้ จึง "วิ่งหางจุกตูด" กลับบ้านไป

ความจริง 2 ขีปนาวุธเกือบทั้งหมดถูกฝ่ายซีเรียยิงสกัดได้ โดยอาศัยอาวธและเทคโนโลยีของรัสเซีย

ความจริง 3 รัฐบาลซีเรียไม่ได้เป็นผู้ใช้อาวุธเคมี แต่เป็นการจัดฉาก โดยมีสหรัฐเป็นผูวางแผนและซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ดำเนินการ และจ่ายงบประมาณ

ความจริง 4 ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงประชาชนซีเรีย ที่เป็น "เหยื่อ" ออกมาเดินขบวนเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมชูธงรัสเซีย ซีเรียและอิหร่าน เป็นการแสดงให้เห็นว่าการโจมตีครั้งนี้ล้มเหลว

คำถาม ถ้าหากการยิงขีปนาวุธดังกล่าวของสหรัฐและพันธมิตร ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กรุงดามัสกัสแล้ว เพราะเหตุใด สหรัฐจึงไม่ดำเนินการโจมตีซีเรียต่อไป

คำตอบ เพราะสหรัฐรู้ดีว่า ขืนยิงขีปนาวุธถล่มดามัสกัสต่อไป ก็จะถูกฝ่ายซีเรียและรัสเซียยิงตกอีก และรัสเซียอาจจะตอบโต้ด้วยการยิงถล่มเรือรบของสหรัฐและเครืองบินโจมตีที่ยิงขีปนาวุธอีกด้วย

      สิ่งที่สหรัฐประจักษ์ในการโจมตีซีเรียครั้งนี้คือ ขีปนาวุธไม่ใช่อาวุธทรงประสิทธิภาพอีกต่อไป อย่างน้อยฝ่ายรัสเซียก็มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการทำลายขีปนาวุธของสหรัฐได้

      กรณีสหรัฐเคยหนีไปหาเรื่องเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลอย่างน้อยสองประการ

1.เพื่อกลบเกลื่อนอาการหน้าแตกที่โทมาฮ็อกถูกยิงตกกว่าครึ่ง

2.สหรัฐมองเห็นว่าทั้งจีน รัสเซียและอิหร่านเอาจริง ประกาศตอบโต้อย่างรุนแรงถ้าสหรัฐยังดื้อแพ่งที่โจมตีซีเรียอีก

     แต่ละครเกาหลีเล่นหลอกคนดู แบบปาหี่ข้างถนนเหมือนปีที่แล้วใช้ไม่ได้แล้ว เพราะว่า รัสเซียรู้เกมนี้ของสหรัฐดี จึงยังไม่ขยับตัว

     ถึงแม้ว่าโดยรวมรัสเซียจะเสียเปรียบสหรัฐในด้านแสนยานุภาพทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 10 ลำ บรรทุกเครื่องบินได้ทั้งหมดเกือบ 1,000 ลำ

     แต่รัสเซียมีจีนเป็นแบคอัพ และมีพันธมิตรที่ชำนาญพื้นที่อย่างอิหร่านและฮิซบุลลอฮ์

     ที่สำคัญสงครามไม่ได้ขึ้นอยู่กับยุทธนาวีอย่างเดียว และเป็นที่ทราบกันดีว่าแสนยานุภาพทางอากาศของรัสเซียที่มีเครื่องบินรบตระกูล SU ตั้งแต่รหัส 24 จนถึงรหัส 35 และรุ่น PAKFA เป็นโจทย์ใหญ่ที่เครื่องบินรบของสหรัฐไม่ว่าจะเป็น F 15 F 16 F 22 Raptor และ F 35 ยังแก้ไม่ตกว่าจะสามารถรับมือกับเครื่องบินรบของฝ่ายรัสเซียทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้หรือไม่

     และที่สำคัญคือรัสเซียมีขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศ S 300 ซึ่งเป็นระบบป้องกันการโจมตีของเครื่องบินรบและขีปนาวุธของฝ่ายตรงข้ามที่น่าเกรงขามรวมอยู่ด้วย

     นอกจากนั้น รัสเซียยังพัฒนาขีปนาวุธ นำวิถีข้ามทวีป ซึ่งสามารถยิงถึงสหรัฐและอิสราเอลได้ และรูกันดีว่าอิหร่านก็มีขืปนาวุธนำวิถีแบบนี้

     ยิ่งถ้าพิจารณากำลังพลจะเห็นว่า จีน รัสเซียและเกาหลีเหนือมีกำลังพลรวมกันกว่าสามล้านคน ซึ่งถึงแม้ว่าสหรัฐที่มีกำลังพลประมาณ หนึ่งล้านสี่แสนคนจะรวมกับนาโตก็ไม่แน่ว่าจะมีกำลังพลเท่าฝ่ายพันธมิตรรัสเซีย

ความเท็จที่ว่าซีเรียใช้อาวุธเคมีกลับมีความพยายามในการพัดกระพือไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นเงื่อนไขในการก่อสงครามเพื่อช่วยเหลือกลุ่มกบฏที่ยังคงมีลมหายใจอยู่อย่างรวยรินให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ และเป็นการสร้างความอ่อนแอให้รัฐบาลซีเรีย

      ในขณะที่ความจริงที่ชัดแจ้ง เช่น ไอซิสเป็นใคร มาจากไหน ใครเป็นผู้ให้กำเนิดไอซิส ให้การสนับสนุนทั้งทางด้านงบประมาณและอาวุธยุทโธปกรณ์ กลับถูกปิดเงียบ ไม่ค่อยมีการพูดถึง

       กระนั้นสัจธรรมความจริงก็กำลังถูกเปิดเผย และความโกหกมดเท็จจะถูกประจาน ตีแผ่และประณาม ดังที่อิมามอะลี (อ.) กล่าวไว้ว่า

“มีแสงสว่างเพียงพอเสมอ สำหรับผู้ที่ต้องการมอง”


ที่มา : Fareed Denyingyoch

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม