เบื้องหลังยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่านของทรัมป์ เท้าของไซออนิสต์อยู่กลางปัญหาเสมอ

ทรัมป์ได้ประกาศนโยบายต่างๆ ของตนในการต่อต้านอิหร่านอย่างชัดเจน ซึ่งตามคำพูดของประธานาธิบดีอิหร่าน ไม่มีอะไรนอกจากคำพูดที่ต่ำช้า และประเด็นที่น่าสนใจก็คือทำให้กลุ่มประเทศในยุโรปยึดท่าทีที่ตรงข้ามกับเขาด้วยเช่นกัน ทรัมป์จะทำให้สหรัฐอเมริกาถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลกด้วยกับพฤติกรรมและจุดยืนของตนเองหรือไม่?

      โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวกล่าวสุนทรพจน์ เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์เที่ผ่านมาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่าน ยุทธศาสตร์ซึ่งเตรียมการเป็นเวลาเกือบสิบเดือนแล้วที่ถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องออกจากปากของประธานาธิบดีนักธุรกิจและผู้เป็นเจ้าของโรงสุราหลายแห่งของสหรัฐอเมริกา

      ตามรายงานของอัฟการ์ นิวส์ ในคืนที่ผ่านมา เขาไม่ได้พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (JCPOA) และข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์เพียงเท่านั้น แต่ยังได้ตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ที่น่าขันต่ออิหร่าน อย่างเช่น การสนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะฮ์

      ทรัมป์ได้ชี้ถึงขีปนาวุธของอิหร่านในสุนทรพจน์ของตน และบางทีอาจถือได้ว่าใจความหลักของสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่ในประโยคที่เขากล่าวว่า : “อิหร่านกำลังผลิตขีปนาวุธต่างๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังของสหรัฐฯ และพันธมิตรของเรา"

      พันธมิตรที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ของสหรัฐอเมริกานั้นก็คืออิสราเอล และคำพูดนี้ของทรัมป์แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอิสราเอลได้เขียนต้นแบบตัวอย่างของความอาฆาตพยาบาทและความเป็นปรปักษ์ต่อประเทศอิหร่านไว้แล้วตั้งแต่ช่วงเวลา 40 ปีที่แล้ว

      ในช่วงเวลานี้ รัฐบาลอิสราเอลโกรธแค้นอย่างมาก เนื่องจากนโยบายต่างๆ ของพวกเขาในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในการเผชิญหน้ากับกองกำลังต้านทาน (มุกอวะมะฮ์) นั้น ได้ประสบกับความล้มเหลว ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็ไม่มีที่ยืนอีกต่อไปแล้วในตะวันออกกลาง กระทั่งว่าพวกเขาสามารถที่จะให้การปกป้องไอซิสและกลุ่มผู้ก่อการร้ายและกลุ่มตักฟีรีย์ต่างๆ  แต่ถึงตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นผู้แพ้รายใหญ่ของสงครามครั้งนี้ และพวกเขากำลังแสดงความอาการโกรธของตนเองออกมาในพฤติกรรมด้วยคำพูดที่น่าขยะแขยงของทรัมป์

      ในอีกด้านหนึ่งทรัมป์ได้ชี้ถึงประเด็นเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (JCPOA) และข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่ดังที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่า เขาจะไม่พูดถึงประเด็นที่สหรัฐฯ จะถอนตัวออก จากแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม (JCPOA) แต่อย่างใด

      สหรัฐอเมริการู้ดีว่า ในการเผชิญหน้ากับอิหร่านนั้นจำเป็นต้องสร้างความเห็นพ้องต่อประชาคมโลก แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินสวนทางกับทรัมป์ และสหรัฐฯ กำลังจะย่างก้าวไปสู่การถูกโดดเดี่ยวในโลกโดยน้ำมือของชาวไซออนิสต์

      ในคืนที่ผ่านมาหลังจากการพูดเพ้อเจ้อของทรัมป์ สหภาพยุโรป รัสเซียและประเทศอื่นๆ ได้แสดงจุดยืนของพวกเขาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรีรอใดๆ และพวกเขาได้แสดงการให้การสนับสนุนข้อตกลงนิวเคลียร์

      ดูเหมือนว่า ผลลัพธ์ประการแรกของสุนทรพจน์ ของทรัมป์สำหรับชาวอเมริกัน คือการที่จะไม่มีประเทศใดเชื่อถือคำพูดและคำมั่นสัญญาต่างๆ ของสหรัฐฯ และทุกประเทศจะลังเลใจที่จะนั่งร่วมโต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ

      ในอีกด้านหนึ่งความรวดเร็วของปฏิกิริยาต่างๆ ที่มีต่อถ้อยแถลงของทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าบรรดานักการเมืองที่ชาญฉลาดของโลกได้ตระหนักถึงอันตรายต่างๆ ของทรัมป์ และพวกเขารับรู้แล้วว่าความมักมากของสหรัฐอเมริกาจะเป็นอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก

      อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องกล่าวว่า คำพูดต่างๆ ของทรัมป์ก็เช่นเดียวกับคำแถลงการณ์ทางการเมืองที่ถูกอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยบรรดาอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และความเป็นศัตรูต่ออิหร่านนั้นเป็นยุทธศาสตร์หลักของบรรดานักการเมืองของประเทศนี้ เพียงแต่ในสมัยต่างๆ ยุทธวิธีของพวกเขาจะแตกต่างกันออกไป

      การสนับสนุนของอิสราเอลและซาอุดีอาระเบียต่อทรัมป์และคำพูดไร้สาระต่างๆ ของเขานั้น แสดงให้เห็นว่า ล็อบบี้ยีสต์ไซออนิสต์และดอลลาร์ซาอุดิอาระเบียยังคงเป็นผู้ชี้นำสหรัฐฯ อยู่  แต่มั่นใจได้เลยว่า ครั้งนี้สหรัฐฯ จะได้รับความเสียหายมากกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากกำแพงความไว้วางใจจากชาวยุโรปกำลังพังทลายลงทับสหรัฐอเมริกา และนโยบายที่ทรัมป์ได้ยึดถือนั้นกำลังดำเนินไปสู่การโดดเดี่ยวของสหรัฐอเมริกา

ที่มา : อัฟการ์ นิวส์

แปล/เรียบเรียง : ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม