“ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์ ชาวสวิตเซอร์แลนด์หลายพันคนนิยมที่จะมีเพศสัมพันธ์กับม้า การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ได้แพร่หลายในประเทศต่างๆ  ซึ่งบางประเทศได้ประกาศเป็นกฎหมาย”

       มัชริกนิวส์รายงานว่า การแต่งงานกับสัตว์ ปรากฏการณ์ที่น่าขยะแขยงและถูกยอมรับในกรอบของสำนักคิด “สุขนิยม” หรือ “ฮีโดนิสซึม” (Hedonism) คือหนึ่งในปัญหาที่มนุษย์สมัยใหม่กำลังเผชิญกับมัน

       ปัจจุบันในหลายประเทศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกตะวันตก ปัญหาการแต่งงานกับสัตว์กำลังเป็นที่แพร่หลาย  มีการพูดถึงเกี่ยวกับการแต่งงานกับสัตว์ [1] และการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ [2]  ซึ่งสิ่งนี้ถูกประณามและถูกนับว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างมากในทัศนะของบรรดาศาสนาแห่งพระเจ้าและบรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสนา

      โดยไม่พูดถึงการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ในทัศนะของศาสนาต่างๆ ของพระเจ้า  ในสำนวนสมัยใหม่เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าโรค “ซูฟิเลีย” (Zoophilia) หรืออาการกระสันสัตว์และการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์

      “ซูฟิเลีย” (Zoophilia)  ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในยุคปัจจุบันเพียงเท่านั้น ทว่าเป็นประเด็นที่ได้รับกล่าวถึงโดยผู้คนมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานของประวัติศาสตร์ แต่ในยุคใหม่นี้ซูฟิเลียได้ดำเนินไปถึงจุดแตกหักขั้นสูงสุดของมันแล้วในบางประเทศในโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีข่าวอึกกระทึกคึกโคมจำนวนมากออกไปทั่วโลกเกี่ยวกับการแต่งงานของคนกับสัตว์ อย่างเช่น กรณีที่ร้อนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในปี 2010 ที่สื่อต่างๆ ของโลกได้นำเสนอ คือการแต่งงานของชายหนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 20 ปีกับสุนัขของเขา  เขาได้สวมใส่ชุดเจ้าบ่าวและจัดเตรียมชุดเจ้าสาวให้กับสุนัขของเขาและได้เข้าสู่พิธีแต่งงานกับสัตว์นี้ [4]

      ในอีกกรณีหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปี 2017  หญิงสาววัย 23ปี ชื่อบาร์บารา [5] ได้เลือกสุนัขของเธอที่ชื่อรูดอล์ฟเป็นสามีของตน บาร์บาร่าซึ่งรู้สึกปิติยินดีและมีความสุขกับการแต่งงานน้มาก เธอบอกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับสามีของเธอ หรือรูดอล์ฟนั้นเป็นความรักที่มั่นคงและเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย และถือความสัมพันธ์ของเธอกับรูดอล์ฟนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิเศษยิ่ง  บาร์บาร่าเชื่อว่าในระหว่างภรรยาและสามีทุกคู่นั้นจะมีหลักของความใกล้ชิดสนิทสนมอยู่ และระหว่างเธอกับสามีของเธอ (หมายถึงสุนัขของเธอ) ก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมแบบภรรยาและสามีนี้อยู่ด้วยเช่นกัน

     สภาพเช่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในกรณีที่กล่าวถึงเท่านั้น แต่สามารถกล่าวได้ว่าจำนวนมากของการแต่งงานกับสัตว์ในลักษณะเช่นนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันในมุมต่างๆ ของโลก การแต่งงานที่ประหลาดและน่าพิศวงนี้จะเกิดขึ้นกับสัตว์ อย่างเช่นสุนัข ลา วัว ม้า งูและอื่น ๆ

     ขอบข่ายของการแต่งงานกับสัตว์หรือโรคกระสันสัตว์ (ซูฟิเลีย) ไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีของสัตว์เหล่านี้พียงเท่านั้น แต่กรณีที่กล่าวไปนั้นสามารถนับเป็นส่วนหนึ่งของกรณีที่เห็นได้อย่างชัดเจนเกี่ยวการมีเซ็กซ์ระหว่างคนกับสัตว์ ปัจจุบันนี้ในมุมต่างๆ ของโลกมีคนจำนวนมากที่มีเพศสัมพันธ์กับสัตว์โดยไม่ได้จัดพิธีแต่งงานกับสัตว์อย่างเป็นทางการ การกระทำดังกล่าวนี้นอกเหนือจากจะก่อให้เกิดผลร้ายมากมายกับแต่ละคนแล้ว ยังจะก่อให้เกิดความเสียหายมากมายต่อสัตว์อีกด้วย

     การค้าประเวณีสัตว์กำลังกลายเป็นปัญหาที่แท้จริงอย่างหนึ่งในหลายๆ ประเทศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศตะวันตกทั้งหลาย ในหลายประเทศไม่มีกฎหมายที่ถูกบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งไม่มีกฎหมายห้ามการกระทำที่น่าเกลียดชังนี้ในประเทศเหล่านั้น  ในทางตรงกันข้ามในบางประเทศในยุโรป อย่างเช่น ฟินแลนด์ ฮังการีและโรมาเนีย การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย [6]

     ประเทศเซอร์เบียก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการดำเนินการในเรื่องนี้มากที่สุด และในแต่ละปีจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากมีอุตสาหกรรม “ซูฟิเลีย” (Zoophilia) นักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, สวีเดนและอังกฤษจะเดินทางไปประเทศนี้เพื่อที่จะมีเซ็กซ์กับสัตว์ อย่างเช่น แพะ แกะ ลา สุนัข แมว ห่านและวัว [7]

     ในประเทศเดนมาร์กก็เช่นกัน สภาพของการมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ได้กลายเป็นเรื่องซับซ้อน จนรัฐบาลต้องออกกฎหมายเพื่อห้ามการกระทำนี้  ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางการเดนมาร์กได้พยายามจัดระเบียบปรากฏการณ์นี้เพื่อช่วยเดนมาร์กให้รอดพ้นจากการกลายเป็นเมืองหลวงของการท่องเที่ยวเพื่อสมสู่กับสัตว์  อย่างไรก็ตามในประเทศนี้หน่วยงานอย่างเช่น สภาจริยธรรมสัตว์แห่งเดนมาร์ก (Denmark's Animal Ethics Council) ได้คัดค้านกฎหมายนี้ [8]

      เหตุผลในการเห็นด้วยกับการออกกฎหมายเกี่ยวกับการร่วมเพศสัมพันธ์กับสัตว์นั้น ก็เพื่อการคุ้มครองสิทธิของสัตว์ การป้องกันการปนเปื้อนของเนื้อสัตว์ของพวกเขาและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ แม้ว่าตามมุมมองของฝ่ายนิติบัญญัติ คนเหล่านี้ไม่ได้ป่วยและเพียงแค่เป็นการแสวงหาความสุขสำราญ แต่กระนั้นก็ตามการถกเถียงในเรื่องการมีเซ็กซ์กับสัตว์ก็ยังคงดำเนินอยู่ในประเทศนี้ และซ่องค้าประเวณีสัตว์ทั้งหลายก็ยังคงดำเนินกิจการแบบใต้ดินอยู่ทั่วไปในประเทศนี้ โดยที่จะเก็บค่าบริการในการมีเซ็กซ์กับสัตว์ต่อครั้งเป็นเงิน 85 ถึง 170 ดอลลาร์  [9]

     ในรายงานที่นิวยอร์กโพสต์ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ซ้ำเป็นครั้งที่สองนั้น จำนวนไม่น้อยของ ประชาชนชาวสวิสเซอร์แลนด์มีเพศสัมพันธ์กับม้า [10] การประมาณการแสดงให้เห็นว่า ในประเทศนี้ มีประชาชนอย่างน้อย 10,000 คน ที่ประสบกับกามวิตถาร หรือ “ซูฟิเลีย” (Zoophilia) นี้และในปี 2014 มีรายงานข่าวถึง 1,709 กรณีเกี่ยวกับสัตว์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

     ในสหรัฐอเมริกาก็มีสภาพคล้ายคลึงกับประเทศต่างๆ ในยุโรป ในปัจจุบันในแปดรัฐ คือฮาวาย (Hawaii) เคนตั๊กกี้ (Kentucky) เนวาดา (Nevada) มลรัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) เท็กซัส (Texas) เวอร์มอนต์ (Vermont) เวสต์เวอร์จิเนีย (West Virginia) และไวโอมิง (Wyoming) การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เป็นเรื่องเสรี [11] ในรัฐอื่นๆ ก็มีกฎหมายต่างๆในเรื่องนี้ บางรัฐพิจารณาคนที่กระทำนั้นเว่าป็นผู้ละเมิดกฎหมายและบางรัฐถือว่ามีความผิดทางอาญา [12]

     ในประเทศตะวันตกอื่นๆ สภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าประเทศที่กล่าวชื่อไปข้างต้น ปรากฏการณ์ “ซูฟิเลีย” (Zoophilia) กำลังขยายวงมากขึ้นในแต่ละวัน การแพร่ขยายของ “ซูฟิเลีย”  ได้กลายเป็นสาเหตุทำให้ในหมู่ประเทศตะวันตกมีผู้ต่อต้านจำนวนมากออกมาต่อต้านปรากฏการณ์นี้ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือว่าเสียงเรียกร้องและการแสดงการต่อต้านเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากความวิตกกังวลในเรื่องศีลธรรมและเกียรติศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของสัตว์ซึ่งประเด็นดังกล่าวควรจะเป็นประเด็นรองในเรื่องนี้

     จำเป็นต้องยอมรับว่า มนุษย์เพื่อที่จะทำให้การแต่งงานกับสัตว์กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดานั้นยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน และบางทีตราบที่ปัญหาการแต่งงานของเกย์ (พวกรักร่วมเพศ) และความพยายามที่จะแพร่กระจายปรากฏการณ์นี้ยังเป็นเรื่องน่าเกลียดอยู่นั้น ประเด็นการแต่งงานกับสัตว์ก็จะยังไม่เป็นที่ยอมรับของรัฐบาลตะวันตกทั้งหลาย แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจที่ว่า หากในอนาคตอันใกล้นี้ บรรดาผู้สนับสนุนการแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมายของพวกเกย์ซึ่งเป็นแฟนๆ ของสำนักคิดของเจเรมี เบนท์แฮม (Jeremy Bentham) และ จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill) หรือผู้สนับสนุนสุขนิยม (Hedonism) และลัทธิเสรีนิยม (Liberalism) สามารถสร้างความปราชัยต่อบรรดาผู้สนับสนุนสิทธิของสัตว์ได้ และโดยการทำให้ปรัชญาเสรีภาพและสุขนิยมเข้ามาแทนที่ได้แล้วนั้น ก็จะทำให้ความตกต่ำและความเสื่อมทรามของมนุษยชาติเพิ่มทวีมากยิ่งขึ้น

แหล่งอ้างอิง :

[1] https://en.wikipedia.org/wiki/Human%E2%80%93animal_marriage

[2] https://www.merriam-webster.com/dictionary/bestiality

[3] https://en.wikipedia.org/wiki/Zoophilia

[4] http://www.dailymail.co.uk/news/article-1334993/Joseph-Guiso-marries-dog-Honey-sunset-ceremony.html

[5] https://thewatchdogweb.wordpress.com/2017/06/06/norway-the-marriage-between-humans-and-animals-is-been-legalised/

[6] http://www.bbc.co.uk/newsbeat/article/32411241/denmark-passes-law-to-ban-bestiality

[7] http://www.mirror.co.uk/news/world-news/sick-brits-travelling-serbia-sex-11360625

[8] https://www.cbsnews.com/news/denmark-outlaws-bestiality-in-narrow-vote/

[9] https://sarahmaxresearch.wordpress.com/2017/06/27/the-animal-prostitution-and-bestiality-brothels-in-europe-the-50-shades-of-shame/

[10] https://nypost.com/2015/11/27/people-having-sex-with-horses-is-on-the-rise-in-switzerland/

[11] http://www.ibtimes.com/bestiality-still-legal-8-states-texas-next-outlaw-2518885

[12] https://www.indy100.com/article/us-states-bestiality-still-legal-7451731

ที่มา : มัชริกนิวส์

แปลและเรียบเรียง : ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม