สถานทูตปาเลสไตน์เปิดอย่างเป็นทางการที่นครวาติกัน ศูนย์กลางคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทำให้บรรยากาศความสมานฉันท์ระหว่างมุสลิมกับคริสเตียนดีขึ้นอย่างมาก
ในเขตเมืองเก่าเยรูซาเล็มเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักซอ มัสยิดสำคัญอันดับสามของอิสลาม รองจากมัสยิดอัลฮะรอมและมัสยิดอันนะบะวีย์ สัญลักษณ์สำคัญของมัสยิดอัลอักซอคือโดมสีเงิน ความหมายของอัลอักซอคืออยู่ไกลโพ้น เพราะอยู่ห่างจากมักกะฮ์มากที่สุดนั่นเอง
บริเวณไม่ไกลกันนักมีอาคารทรงแปดเหลี่ยม โดมสีทองอร่ามตั้งอยู่ อาคารหลังนี้คือกุบบะฮ์อัศศ็อคเราะฮ์หรือโดมศิลา (Dome of the Rock)
ภาพที่แสดงถึงเมืองเยรูซาเล็มมักใช้ภาพที่มีโดมสีทองนี้เป็นสัญลักษณ์ จึงมีคนจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าอาคารหลังนี้คือมัสยิดอัลอักซอ
ความสำคัญของมัสยิดอัลอักซอคือ เป็นสถานที่สำหรับเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้ามาตั้งแต่สมัยท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.) และเป็นสถานที่ที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ขึ้นสู่ฟากฟ้าเพื่อเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ (เมียะอ์ร็อจ) รวมทั้งยังเป็นกิบละฮ์แรกของอิสลาม (ประมาณ 17 เดือน)
มัสยิดอัลอักซอและกุบบะฮ์อัศศ็อคเราะฮ์ สร้างเป็นอาคารสมบูรณ์แบบ (ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงอาคารหลังเล็กๆ) ในสมัยอับดุลมาลิก บุตรมัรวาน คอลีฟะฮ์คนที่ 5 ของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ เสร็จเมื่อ ค.ศ. 705 ในสมัยวะลีด บุตรของเขา
ค.ศ. 745 มัสยิดถูกทำลายจากแผ่นดินไหว อัลมันซูร คอลีฟะฮ์คนที่ 2 ของราชวงศ์อับบาสิยะฮ์จึงสร้างใหม่เมื่อ ค.ศ. 754 และอัลฮาดีบุตชายของเขาสร้างอีกครั้งหนึ่งใน ค.ศ. 780
ค.ศ. 1033 เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง มัสยิดเสียหายอย่างหนัก อะลี อัซซาฮิร คอลีฟะฮ์ราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์จึงสร้างขึ้นมาใหม่ และเป็นอาคารหลังปัจจุบัน เพียงแต่มีการปฏิสังขรณ์มาเป็นระยะ และสร้างอาคารต่างๆ รายรอบขึ้นมากมาย
กุบบะฮ์อัศศ็อคเราะฮ์ เป็นอาคารแปดเหลี่ยมมีโดมสีทอง สร้างครอบแท่นหินขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เส้นผ่าศูนย์กลางของแท่นหินนี้ประมาณ 22 เมตร
ด้านในอาคารจะเป็นโถงที่สร้างรอบแท่นหินนี้ จุคนได้หลายร้อยคน ภายในแท่นหินเป็นโพรงลักษณะห้องขนาดใหญ่ มีทางลงเข้าไปในแท่นหินนี้ได้ โพรงภายในแท่นหินเรียกว่า มัสยิดอัศศ็อคเราะฮ์ สามารถจุคนละหมาดได้ครั้งละประมาณ 22 คน
ภายในอาคารกุบบะฮ์อัศศ็อคเราะฮ์จะมีกลิ่นหอมรัญจวน กลิ่นหอมนี้มาจากผอบบรรจุเส้นเกศาของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ซึ่งวางอยู่บนแท่นหินดังกล่าว
บริเวณระหว่างมัสยิดอัลอักซอและกุบบะฮ์อัศศ็อคเราะฮ์ มีกำแพงโบราณซึ่งเชื่อกันว่า เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารที่สร้างโดยศาสดาสุลัยมาน (ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว) ชาวยิวที่นับถือศาสนายูดายจึงมาสวดวิงวอนที่นี่และร้องไห้คร่ำครวญ กำแพงนี้จึงถูกเรียกว่า “กำแพงร้องไห้”
ด้วยเหตุนี้อิสราเอลจึงพยายามทำลายมัสยิดอัลอักซอและบริเวณเมืองเก่าทั้งหมด เพื่อสร้างวิหารโซโลมอน (สุลัยมาน) ขึ้นมาใหม่ และอีกความพยายามหนึ่งคือ การประกาศให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แต่นานาชาติส่วนใหญ่คัดค้าน
การที่คริสตจักรอนุญาตให้เปิดสถานทูตปาเลสไตน์ที่กรุงวาติกัน คือการแสดงจุดยืนของคริสตจักรและประชาชนชาวคริสต์ว่า ความชอบธรรมในการเป็นเจ้าของแผ่นดินแห่งนี้เป็นของชาวปาเลสไตน์
กาละและเทศะที่อิสราเอลและไซออนิสต์ (ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนและทัศนะของชาวยิวส่วนใหญ่) จะเล่นเกมหลอกลวงและครอบงำประชาคมมนุษยชาติในประเด็นนี้ เริ่มลดน้อยลงตามลำดับ และจะหมดไปในที่สุด ไม่นานหลังจากนี้ กาลล่มสลายของพวกเขาก็จะมาถึง!!
บทความโดย : Fareed Denyingyoch
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center