การแยกตัวเป็นอิสระของเคอร์ดิสถานในประเทศอิรักและการจัดให้มีการลงประชามติในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถือเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่สำคัญที่สุดในตะวันออกกลางที่ไม่ควรมองข้าม

       เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามสัปดาห์ที่ชาวเคิร์ดอิรักจะตัดสินใจลงประชามติครั้งใหญ่เพื่อประกาศแยกตัวเคอร์ดิสถานของอิรักออกเป็นอิสระ และเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายมัสอูด บาร์ซานี (Massoud Barzani) ผู้นำชาวเคิร์ดของอิรักซึ่งมีบทบาทหลักได้กล่าวว่า : "ผมจะกดดันและยืนหยัดต่อการลงประชามตินี้เพื่อแยกตัวเคอร์ดิสถานออกเป็นอิสระ"

       นับเป็นครั้งแรกที่ ดร.อะลี อักบัร วิลายะตี ที่ปรึกษาอาวุโสของผู้นำสูงสุดได้แสดงความคิดเห็นชี้ถึงอันตรายของการจัดตั้งรัฐอิสระเคอร์ดิสถานในอิรัก ในช่วงปีที่ผ่านมาในการประชุมครั้งหนึ่ง โดยกล่าวว่า : "ทหารอเมริกันในภูมิภาคกำลังหาทางเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชาวเคิร์ดของซีเรียและเชื่อมต่อพวกเขาเข้ากับชาวเคิร์ดของอิรักและจากประเทศอื่นๆ การจัดตั้งรัฐอิสระเคอร์ดิสถานจะเป็นสิ่งที่อันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหากชาวเคิร์ดเป็นอิสระ นั่นหมายถึงอิสราเอลแห่งที่สองจะเกิดขึ้น"

       ตอนนี้มีข่าวต่างๆ ออกมามากมายเกี่ยวกับการจัดตั้งการลงประชามติเพื่อแยกตัวเคอร์ดิสถานของอิรักเป็นอิสระ ซึ่งเผยให้เห็นถึงแผนการอเมริกัน-ไซออนิสต์ เนื่องจากนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ในการพบปะกับสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันคนหนึ่งเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงการสนับสนุนอิสรภาพของเคอร์ดิสถานของนายมัสอูด บาร์ซานี (Massoud Barzani) และเขากล่าวว่า : "ชาวเคิร์ดเป็นประชาชนที่กล้าหาญและนิยมตะวันตก และพวกเขาเป็นชนชาติที่จะรักษาและขยายค่านิยมต่างๆ ของเรา"

       ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันการศึกษาด้านยุทธศาสตร์เบกิน ซาดาต (Begin–Sadat Center for Strategic Studies) ก็ได้กล่าวในการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับภูมิภาค (ตะวันออกกลาง) ของตนว่า  : "อิสราเอลมีความจำเป็นต่อรัฐอิสระของชาวเคิร์ด"

       อีกด้านหนึ่ง นาย "กิดเดียน ซาอาร์" (Gideon Sa’ar) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นตัวแทนพรรค Likud ที่ทรงอิทธิพลของอิสราเอลได้เขียนไว้ใน Twitter ของตนว่า : "ผมสนับสนุนการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระของเคอร์ดิสถานอิรักในวันที่ 25 กันยายน "

       ดูเหมือนว่าอิสราเอลซึ่งได้เห็นว่านโยบายต่างๆ ของตนในการสนับสนุนไอซิสและกลุ่มตักฟีรีได้ประสบกับความล้มเหลวแล้ว จึงพยายามหาทางที่จะสร้างความไร้เสถียรภาพขึ้นใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง

       และในอีกด้านหนึ่ง อิสราเอลต้องการที่จะเข้าประชิดพรมแดนของอิหร่าน และด้วยเหตุนี้เองจึงพยายามที่จะสร้างและสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระของชาวเคิร์ดในอิรัก

       ขณะนี้หลังจากหนึ่งปี ด้วยการสนับสนุนต่างๆ อย่างเปิดเผยของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาต่อเคอร์ดิสถานอิรัก เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า คำเตือนในปีที่ผ่านมาของดร.อะลี อักบัร วิลายะตี นั้นเป็นคำเตือนที่สมควรจะให้ความสำคัญอย่างจริงจังมากกว่านี้ เพราะถ้าหากชาวเคิร์ดอิรักแยกตัวเป็นอิสระ แน่นอนยิ่งว่าต่อมมะเร็งร้ายชนิดเดียวกับอิสราเอล จะก่อตัวขึ้นในนามอิสราเอลที่สอ

      ในช่วงหลายปีมานี้ ชาวเคิร์ดของอิรักไม่ว่าในแง่ทางการเมืองหรือในแง่ทางการทหารได้พยายามอยู่เสมอมาที่จะต่อต้านรัฐบาลกลางของอิรัก และหลังจากสหรัฐอเมริกาบุกอิรัก ได้กลายเป็นโอกาสสำหรับชาวเคิร์ดที่จะทำให้ตนเองได้รับอิสรภาพเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา

      ประเด็นของการสร้างวิกฤตในการรักษาบูรณภาพเหนือดินแดนของอิรัก นับเป็นปัญหาร้ายแรงที่เจ้าหน้าที่การทูตของสาธารณรัฐอิสลามเองก็ได้ชี้ถึงประเด็นนี้และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาเอกภาพในอิรักอยู่บ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังหาทางแยกเคอร์ดิสถานของอิรักออกเป็นอิสระตามแผนของระบอบไซออนิสต์ เพื่อที่จะเปิดทางสำหรับตัวเองให้กลับเข้ามาอยู่ในอิรักและในภูมิภาคใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ที่มา : อัฟการ์ นิวส์

แปล/เรียบเรียง : ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม