แอนโธนี่ บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในการประชุมเสมือนจริงกับคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดถึงการดำเนินการของอิสราเอลในการยึดครองที่ราบสูงโกลันของซีเรียว่า เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของระบอบนี้ และกล่าวอ้างว่า : “ตราบใดที่ซีเรียยังเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล การควบคุมที่ราบสูงโกลันโดยอิสราเอลก็จำเป็นต้องดำเนินต่อไป"
บลิงเกนผู้ซึ่งพยายามถือว่านโยบายของ "ไบเดน" แตกต่างไปจากนโยบายของทรัมป์ ซึ่งได้ประเด็นที่ราบสูงโกลัน อัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม) และเวสต์แบงก์ให้แก่เนทันยาฮู
แต่บลิงเกนใช้ตรรกะสำหรับเรื่องนี้โดยที่ก่อนอื่นใดเขาได้เปิดเผยให้เห็นถึงธรรมชาติที่แท้จริงของอเมริกา นั่นคือ พฤติกรรมการข่มเหงรังแกและการใช้กฎหมายคาวบอยของมัน และท้ายที่สุด ความแตกต่างที่เขาต้องการสร้างให้กับไบเดนก็หายไปในธรรมชาติของการข่มเหงรังแกแบบอเมริกัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ไม่อาจแยกออกได้จากวัฒนธรรมและอุปนิสัยของชาวอเมริกัน
เมื่อบลิงเกนได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า : "ไม่ว่าสถานะทางกฎหมายของที่ราบสูงโกลันจะเป็นอย่างไร ในทางปฏิบัติอิสราเอลก็จะควบคุมพื้นที่แห่งนี้ ผมคิดว่ายังจำเป็นต้องคงสภาพเช่นนี้ต่อไป เว้นแต่ซีเรียจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป และในทัศนะของผมขณะนี้ เรายังไปไม่ถึงขั้นดังกล่าว"
ในความเห็นของท่าน (ผู้อ่าน) หลังจากถ้อยแถลงเหล่านี้ พูดได้ไหมว่า ท่าทีของบลิงเกนแตกต่างจากท่าทีของปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ทั้งสองเห็นด้วยกับการยึดครองโกลานของซีเรียโดยระบอบไซออนิสต์ และข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ วิธีที่พวกเขาแสดงออกและประเภทของคำที่พวกเขาใช้
ปอมเปโอยอมรับถึงการยึดครองที่ราบสูงโกลันโดยอิสราเอล แต่บลิงเกนใช้วิธีการทางการทูตที่เหนือกว่า โดยหยิบยกเงื่อนไขสำหรับการกลับคืนของที่ราบสูงโกลันไปอยู่ในอ้อมแขนซีเรีย
"ความมั่นคง" ที่อิสราเอลแสวงหาจะไม่ถูกทำให้เกิดขึ้น เนื่องจากพื้นฐานของระบอบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายความมั่นคงของประเทศทั้งหลายในภูมิภาค บลิงเกนแสดงความหวังว่าสักวันหนึ่ง ด้วยกับการมีอำนาจของทหารรับจ้างสหรัฐฯ และอิสราเอลเหนือดามัสกัส จะทำให้ซีเรียจะหันไปหาสหรัฐอเมริกา แต่ความฝันนี้จะไม่มีวันเป็นจริง
หากตรรกะคาวบอยของบลิงเกนสามารถขยายไปสู่ทุกประเทศและทุกชนชาติในโลก กฎแห่งป่า (Law of the jungle) ก็จะคงปกคลุมไปทั่วโลก ตามตรรกะนี้ ประเทศใดๆ ที่มีอำนาจทางทหารและได้รับการสนับสนุนทางทหารจากมหาอำนาจ สามารถครอบครองพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ของประเทศหนึ่ง ด้วยข้ออ้างการรักษาความมั่นคงให้กับประเทศตนเอง!
ในกรณีเช่นนี้แล้ว ความมั่นคงของประเทศที่ถูกยึดครองจะเป็นอย่างไร โดยการใช้ตรรกะเช่นนี้ของบลิงเกน เกาหลีเหนือสามารถเปิดการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในสหรัฐอเมริกาได้หรือไม่? เพราะเมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามของสหรัฐฯ ต่อระบอบเปียงยางซ้ำแล้วซ้ำเล่า การโจมตีดังกล่าวจำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศนี้ ?!
แหล่งข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศซีเรียกล่าวกับสำนักข่าว SANA ว่า ซีเรียปฏิเสธคำกล่าวของ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับที่ราบสูงโกลันที่อิสราเอลยึดครอง โดยย้ำว่าดินแดนดังกล่าวเป็นและจะยังคงเป็นดินแดน “สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย”
แหล่งข่าวยังเน้นย้ำว่าประเทศซีเรียมี “สิทธิโดยชอบธรรม” ในการต่อต้านพฤติกรรมการขยายตัวของอิสราเอล
ในปีพ.ศ. 2510 อิสราเอลได้ทำสงครามเต็มรูปแบบกับดินแดนอาหรับ ในระหว่างนั้นอิสราเอลได้เข้ายึดครองโกลันเป็นแนวกว้าง และผนวกดินแดนดังกล่าวในอีก 4 ปีต่อมา ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ประชาคมระหว่างประเทศไม่ยอมรับ
ในปีพ.ศ. 2516 สงครามปะทุขึ้นอีกครั้ง และอีกหนึ่งปีต่อมา ประกาศการหยุดยิงโดยสหประชาชาติก็มีผลบังคับใช้ ตามที่เทลอาวีฟและดามัสกัสตกลงที่จะแยกกองกำลังของตนและสร้างเขตกันชนในที่ราบสูงโกลัน
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา อิสราเอลได้สร้างการตั้งถิ่นฐานหลายสิบแห่งบนที่ราบสูงโกลัน การเรียกร้องเพื่อต่อต้านให้รัฐบาลนานาชาติหยุดกิจกรรมการก่อสร้างที่ผิดกฎหมายของเทลอาวีฟ
ซีเรียได้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของตนเหนือที่ราบสูงโกลันหลายครั้ง โดยเน้นว่าดินแดนจะต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เพื่อควบคุม
ที่มา : อัล อาลัม
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center