ปฏิบัติการ "พายุอัล-อักซอ" ซึ่งนำไปสู่การถูกสังหารและการถูกจับกุมเป็นเชลยของชาวไซออนิสต์จำนวนหลายพันคน การบดขยี้ "ความน่าเกรงขามของอิสราเอล" และอำนาจในการป้องปรามของระบอบนี้นั้น ได้ทำให้ความมุ่งมาตรปรารถนาของระบอบการปกครองนี้ที่จะ "กำจัดการดำรงอยู่และอัตลักษณ์ของชาวปาเลสไตน์ด้วยการใช้กำลัง" ถูกฝังลงไปกับดิน
ภายหลังจากปฏิบัติการ "พายุอัลอัก-ซอ" ชาวไซออนิสต์จำนวนหลายพันคนถูกสังหารและถูกจับเป็นเชลย การบดขยี้ "ความน่าเกรงขามของอิสราเอล" และการขยี้จมูกของมันลงกับพื้นดิน และการทำลายอำนาจในการป้องปรามของระบอบการปกครองนี้ การทำสงครามกับระบอบไซออนิสต์และบรรดาผู้สนับสนุนของมันได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่แล้ว ขั้นตอนที่จะไม่มีการพูดถึง "กองทัพที่อยู่ยงคงกระพัน" (หมายถึงกองทัพอิสราเอล) อีกต่อไป และความปรารถนาของระบอบการปกครองนี้ที่จะ "ถอนรากถอนโคนการดำรงอยู่และอัตลักษณ์ของชาวปาเลสไตน์ในดินแดนปาเลสไตน์โดยใช้กำลัง" และ "ความฝันที่จะผลักดันประเด็นชาวปาเลสไตน์ให้ไปอยู่ชายขอบภายใต้ร่มเงาของการประนีประนอม" กระบวนการ" ก็ถูกฝังลงไปกับดิน
ในการเผชิญกับชัยชนะที่กึกก้องและเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ของกองกำลังต่อต้านแห่งปาเลสไตน์ "อิสราเอล" ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามหาทางปกปิดความพ่ายแพ้ที่ไม่อาจปฏิเสธได้นี้ ด้วยเหตุนี้อิสราเอลจึงรีบรุดหันไปซบอกสหรัฐฯ ผู้สนับสนุนของตนอีกครั้ง ซึ่งสหรัฐฯ ก็ไม่ลังเลใดๆ เลยที่จะช่วยเหลือระบอบการปกครองนี้ และจะช่วยยกระดับขวัญกำลังใจที่พังทลายลง นอกเหนือจากการโจมตีทางอากาศอันโหดร้ายในฉนวนกาซา ด้วยการส่งเสริมและมุ่งเน้นไปที่ทางเลือกของการโจมตีภาคพื้นดินในภูมิภาคนี้ อิสราเอลได้เปิดตัวสงครามจิตวิทยาในวงกว้างต่อประชาชนที่ไร้การปกป้องของฉนวนกาซาเคียงข้างกับอาณาจักรสื่อของสหรัฐฯ และตะวันตก
ในเวลาเดียวกันกับที่องค์การสหประชาชาติประกาศโดยอ้างจากกองทัพอิสราเอลว่า ผู้อยู่อาศัยทางตอนเหนือของฉนวนกาซาทั้งหมดจะต้องย้ายไปทางใต้ของพื้นที่นี้ภายใน 24 ชั่วโมง ระบอบการปกครองที่ยึดครองดินแดนนี้ได้มุ่งเน้นไปที่การแพร่ข่าวลือเรื่องการเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาและ "การทำลายล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากตลอดไป" ในระหว่างนี้ ก็ยังคงโจมตีทางอากาศอย่างโหดร้ายและไร้จุดหมายต่อฉนวนกาซา และใช้อาวุธต้องห้าม เช่น ฟอสฟอรัสขาว ในปฏิบัติการนี้ การโจมตีเหล่านี้นำไปสู่การเสียชีวิต (มรณะสักขี) ของชาวปาเลสไตน์ 1,951 ราย และอีกกว่า 6,000 รายได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และยุโรปรีบรุดไปยังเทลอาวีฟตามปฏิบัติการจิตวิทยาของระบอบไซออนิสต์ และในความพยายามที่จะยืนยันข่าวลือเกี่ยวกับการโจมตีภาคพื้นดินของรัฐบาลนี้ในฉนวนกาซา ตลอดจนการประกาศเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับอาชญากรรมที่ดำเนินอยู่ของระบอบการปกครองนี้ ในบรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านี้ เราสามารถพูดถึง "เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน" ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และ "โรเบอร์ตา เมตซูลา" ประธานรัฐสภายุโรป และรัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส สหรัฐ และสหราชอาณาจักร ซึ่งทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "สิทธิในการป้องกันตัวเอง" สำหรับระบอบการปกครองนี้ และด้วยการเคลื่อนไหวนี้ พวกเขาให้ไฟเขียวแก่ระบอบนี้สำหรับการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา แม้แต่พวกเขาบางคน รวมทั้ง "แอนโธนี บลินเกน" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้สร้างเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซาไปยังอียิปต์ เพื่อ "ช่วยพวกเขาให้รอดจากชะตากรรมที่แน่นอนของพวกเขา" ซึ่งก็คือความตาย
วันนี้ ในวันที่แปดของปฏิบัติการพายุอัล-อักซอ แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนทางทหารและอาวุธจากสหรัฐอเมริกาและตะวันตก และได้รับการสนับสนุนจากกองเรือ เรือบรรทุกเครื่องบิน และทางเดินทางอากาศ แต่ระบอบไซออนิสต์ก็ยังคงครุ่นคิดอยู่ว่าจะเปิดการโจมตีทางภาคพื้นดินต่อฉนวนกาซาหรือไม่? และนี่แสดงให้เห็นว่ากองทัพของระบอบการปกครองนี้มีความหวั่นกลัวต่อความคิดที่จะโจมตีฉนวนกาซามากเพียงใด พวกเขารู้ดีว่าการโจมตีดังกล่าวเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายหมู่ เพราะฉนวนกาซาไม่เหมือนที่อื่นในโลก มีเหล่าบุรุษผู้เข้มแข็งที่รักการพลีชีพ (มรณะสักขี) พอๆ กับที่ชาวไซออนิสต์รักและผูกพันต่อชีวิตทางโลกนี้ ฉนวนกาซาเป็นสถานที่ซึ่งพลังอำนาจเดือดพล่านจากใต้ดินของมัน และเหล่าบุรุษของกองกำลังต่อต้านโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินและมาจากท้องฟ้า ดังที่เราได้เห็นในปฏิบัติการ "พายุอัล-อักซอ"
"อิสราเอล" จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อระบายความโกรธและล้างแค้นให้กับความน่าเกรงขามที่สูญเสียไปในช่วง 8 วันที่ผ่านมา และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรอีกแล้วที่พวกเขาสามารถจะทำได้ ระบอบการปกครองนี้สามารถสังหารประชาชนธรรมดาและทำลายบ้านเรือนของพวกเขา สามารถตัดน้ำ ยา ไฟฟ้า อาหาร และเชื้อเพลิงต่อพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถขับไล่ประชาชนเหล่านี้ออกจากบ้านและที่ดินของพวกเขาได้อีกต่อไป
วันนี้ฉนวนกาซาอยู่ในการปกป้องของเหล่าบุรูษผู้มีความแข็งแกร่งและแกนต่อต้าน (มุกอวะมะฮ์) แห่งปาเลสไตน์และชาติอาหรับทั้งหลายก็สนับสนุนฉนวนกาซาด้วย ดังนั้น "นักบะฮ์" (Nakbah Day) ใหม่จะไม่เกิดขึ้นอีก และคำพูดโวยวายคุยโตและสงครามจิตวิทยาของผู้นำของระบอบการปกครองที่ยึดครองดินแดนนี้ เป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความคับแค้นใจที่รุนแรงและความปราชัยของพวกเขาต่อฉนวนกาซา การต่อต้านที่ทะลุกำแพงอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและเจาะลึกเข้าไปในปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง และสังหารหรือจับกุมชาวไซออนิสต์หลายพันคนนั้นสามารถสนับสนุนกองกำลังต่อสู้ของตนได้ และหากพวกเขาต้องการพวกเขาก็เริ่มต้นพายุลูกใหม่ในอนาคต
หลังจากตำนานปฏิบัติการพายุอัล-อักซอของปาเลสไตน์ กองทัพไซออนิสต์ไม่มีแรงจูงใจและจิตวิญญาณที่จะโจมตีทางภาคพื้นดินต่อฉนวนกาซา ดังนั้นระบอบไซออนิสต์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องกลับมามีสติและนำเชลยกลับคืนมาในรูปแบบของข้อตกลงเพื่อแลกกับการปล่อยตัวเชลยชาวปาเลสไตน์และการอพยพผู้ตั้งถิ่นฐานของตนที่อยู่รอบฉนวนกาซาออกไปให้หมด หรือมิเช่นนั้นก็จะต้องเตรียมตัวรับมือกับกองพันอัล-ก็อซซามและกองพันกุดส์ เหล่าบุรุษที่ทรงพลังและแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเหล่าบุรุษของ "อะรีน อัล-อุซูด" (อาณาจักรราชสีห์ ชื่อของกองกำลังหนึ่งของปาเลสไตน์) ในค่ายเจนิน และการเผชิญหน้าครั้งนี้สำหรับไซออนิสต์ จะไม่ได้หมายถึงความตายที่แน่นอน หรือการถูกทำลายของฉนวนกาซา
ที่มา : บทวิเคราะหสำนักข่าว อัล อาลัม
แปลและเรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ
ศูนย์สารสนเทศอิสลามสถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center