ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ พยายามที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเคียฟให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศสหรัฐฯ ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชนะการเลือกตั้งจะขึ้นสู่อำนาจในช่วงปลายเดือนมกราคม

    สิ่งพิมพ์ดังกล่าวระบุว่า ความตั้งใจดังกล่าวเป็นการอธิบายถึงการตัดสินใจล่าสุดของไบเดนในทิศทางของยูเครน ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลและการอนุมัติการส่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

    ในขณะเดียวกัน หน่วยงานดังกล่าวยอมรับว่า ทางเลือกของไบเดนมีจำกัดมาก เนื่องจากเงินที่เหลือส่วนใหญ่สำหรับเคียฟนั้น สามารถนำไปใช้ซื้ออาวุธที่กระทรวงกลาโหมมีอยู่แล้วเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่สามารถจัดสรรเงินมากเกินไปได้ มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ เอง

    ตามรายงานของหน่วยงานดังกล่าว ฝ่ายบริหารของไบเดนกำลังพิจารณาการเรียกร้องต่อสาธารณชนเพื่อขอคำเชิญอย่างเป็นทางการจากยูเครนให้เข้าร่วมนาโต แต่ตัดสินใจว่าโอกาสที่คำขอนี้จะประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยเกินไป ในทางกลับกัน ทางการสหรัฐฯ ในปัจจุบันกำลังพิจารณาข้อตกลงทวิภาคีหลายฉบับกับเคียฟในด้านความมั่นคง

    รัสเซียเชื่อว่าการส่งอาวุธให้ยูเครนเป็นอุปสรรคต่อข้อตกลงนี้ และทำให้ประเทศสมาชิกนาโตเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงในความขัดแย้ง รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่าสินค้าใด ๆ ที่บรรจุอาวุธสำหรับส่งไปยังเคียฟจะกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องของรัสเซีย

    ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าว่า ยูเครนยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่สหรัฐฯ ส่งมาให้และ Storm Shadows ของอังกฤษใส่ฐานทัพในภูมิภาคเคิร์สก์และบรายอันสก์เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน รัสเซียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธ Oreshnik โจมตีฐานทัพอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์ เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา

ที่มา : สำนักข่าว mehrnews

ศูนย์สารสนเทศอิสลามสถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม