ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนและวันอัลกุดส์สากลว่า : ปัญหาของปาเลสไตน์ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดและยังคงดำรงอยู่ร่วมกันของประชาชาติอิสลาม

     ตามรายงานของสำนักข่าวตัสนีม ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนและวันอัลกุดส์สากล

ปาเลสไตน์เป็นปัญหาร่วมที่สำคัญที่สุดของอิสลาม

     ปัญหาของปาเลสไตน์ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดและยังคงดำรงอยู่ร่วมกันของประชาชาติอิสลาม

     นโยบายต่าง ๆ ของระบบทุนนิยมที่กดขี่และกระหายเลือดได้ตัดมือของชนชาติหนึ่งออกจากบ้านเกิดเมืองนอนและดินแดนของบรรพบุรุษของตน และได้จัดตั้งระบอบการปกครองของผู้ก่อการร้ายโดยคนต่างชาติขึ้นในดินแดนนั้น

การก่อตั้งระบอบไซออนิสต์ได้ถูกกระทำด้วยตรรกะที่อ่อนแอและไร้แก่นสาร

     สิ่งที่อ่อนแอและไร้แก่นสารมากกว่าตรรกะที่ว่างเปล่าของการก่อตั้งระบอบไซออนิสต์นั้นคืออะไร? ตามคำกล่าวอ้างของพวกเขา ชาวยุโรปได้กดขี่ชาวยิวในช่วงหลายปีของสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องล้างแค้นให้ชาวยิวโดยการทำให้ประชาชนในเอเชียตะวันตกพลัดถิ่น และกระทำการเข่นฆ่าสังหารอย่าทารุณกรรมในประเทศนั้น

     นี่คือตรรกะที่บรรดารัฐบาลตะวันตกได้อาศัยมัน โดยให้การสนับสนุนอย่างจริงจังและบ้าคลั่งต่อระบอบไซออนิสต์ ทำให้ข้ออ้างเท็จทั้งหมดของพวกเขาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยและเรื่องราวที่น่าขันและน่าร้องไห้นี้ยังคงดำเนินต่อไป ยาวนานกว่าเจ็ดสิบปีและยังมีการเพิ่มประเด็นอื่น ๆ มากยิ่งขึ้นตลอดเวลา

การต่อสู้กับระบอบไซออนิสต์เป็นหน้าที่ของทุกคน

     ไซออนิสต์ได้เปลี่ยนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองให้กลายเป็นฐานของการก่อการร้ายตั้งแต่วันแรก อิสราเอลไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นฐานของผู้ก่อการร้ายที่ต่อต้านชาวปาเลสไตน์และประเทศมุสลิมอื่น ๆ การต่อสู้กับระบอบการปกครองที่กระหายเลือดนี้คือการต่อสู้กับการกดขี่และการต่อสู้กับการก่อการร้าย และนี่คือหน้าที่ของทุกคน

ความอ่อนแอและความแตกแยกในประชาชาติอิสลามปูทางไปสู่การยึดครองปาเลสไตน์

     ประเด็นที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือ แม้รัฐ (อิสราเอล) ผู้ยึดครองได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2491 (ค.ศ 1948) แต่การเตรียมการในการรุกรานจุดอ่อนไหวนี้ของภูมิภาคอิสลามได้เริ่มต้นขึ้นหลายปีก่อนหน้านั้นแล้ว

     หลายปีดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการแทรกแซงอย่างแข็งขันของตะวันตกในกลุ่มประเทศอิสลามเพื่อทำให้ลัทธิฆราวาสและชาตินิยมสุดโต่งและมืดบอดเข้ามาครอบงำ การทำให้รัฐบาลเผด็จการที่หลงใหลหรือเป็นหุ่นเชิดของตะวันตกขึ้นมาสู่อำนาจ

     การศึกษาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงหลายปีเหล่านี้ในอิหร่าน ตุรกีและบรรดาประเทศอาหรับในเอเชียตะวันตกไปจนถึงแอฟริกาเหนือเผยให้เห็นความจริงอันขมขื่นว่า ความอ่อนแอและความแตกแยกในอุมมะฮ์ (ประชาชาติ) อิสลาม ได้ปูทางไปสู่หายนะของการยึดครองปาเลสไตน์ และนี้คือการโจมตีต่อประชาชาติอิสลามที่เกิดขึ้นโดยโลกมหาอำนาจ

การผนึกกำลังกันของค่ายตะวันตกและตะวันออกโดยบรรดานายทุนไซออนิสต์ในการยึดครองปาเลสไตน์

     นี่เป็นบทเรียนที่ในช่วงเวลานั้น ทั้งค่ายทุนนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ได้ผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกับพวกกอรูน (นายทุน) ไซออนิสต์ อังกฤษได้วางแผนสมคบคิด นายทุนไซออนิสต์รับผิดชอบดำเนินการตามแผนโดยใช้เงินและอาวุธ สหภาพโซเวียตเป็นรัฐบาลแรกที่ยอมรับการจัดตั้งรัฐนอกกฎหมายอย่างเป็นทางการและส่งชาวยิวจำนวนมากไปที่นั่น

     ระบอบการปกครองผู้ยึดครองดินแดนนี้ในด้านหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพดังกล่าวในโลกอิสลามและในอีกด้านหนึ่งเกิดจากการสมคบคิด การโจมตีและการรุกรานของยุโรป

การเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในโลกขณะนี้เป็นคุณต่อโลกอิสลาม

     ปัจจุบันสภาพการณ์ของโลกไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป เราต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงนี้เสมอ ทุกวันนี้ดุลอำนาจได้เปลี่ยนมาเป็นคุณต่อโลกอิสลาม

     เหตุการณ์ต่าง ๆ ทางการเมืองและสังคมในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเผยให้เห็นจุดอ่อนและความผิดปกติเชิงลึกของโครงสร้างการบริหารจัดการและศีลธรรมของโลกตะวันตก

     ประเด็นเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาและการทดสอบเรื่องอื้อฉาวของบรรดาผู้บริหารที่เต็มไปด้วยคำกล่าวอ้างตน ด้วยความหยิ่งผยองของมัน ตลอดจนการเผชิญหน้าที่ล้มเหลวหนึ่งปีเต็มกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สร้างความอัปอายขายหน้าของมันและความวุ่นวายทางการเมืองและสังคมล่าสุดในบรรดาประเทศที่สำคัญของยุโรป ล้วนเป็นสัญญาณที่แสดงถึงเส้นทางขาลงและความเสื่อมถอยค่ายตะวันตก

     ในอีกด้านหนึ่งการเติบโตของกองกำลังต่อต้าน (มุกอวะมะฮ์) ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่อ่อนไหวที่สุดของอิสลาม การเติบโตของขีดความสามารถในการป้องกันและการรุกคืบของพวกเขา การขยายตัวของการตระหนักรู้ แรงจูงใจและความหวังในหมู่ชนชาติมุสลิม การขยายตัวของคำขวัญต่าง ๆ แห่งอิสลามและอัลกุรอาน การขยายตัวของความรู้ การเรียกร้องความเป็นอิสระ และการพึ่งพาตนเองในประเทศต่าง ๆ เป็นสัญญาณอันจำเริญที่แจ้งข่าวดีถึงอนาคตที่ดีกว่า

ความจำเป็นในการผนึกกำลังกันของบรรดาประเทศมุสลิมบนแกนของปาเลสไตน์และอัลกุดส์

     ในอนาคตอันจำเริญนี้การผนึกกำลังกันของบรรดาประเทศมุสลิมจะต้องเป็นเป้าหมายหลัก และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องไกลเกินการเอื้อมถึง หัวใจสำคัญของการผนึกกำลังกันนี้คือปัญหาของปาเลสไตน์ ซึ่งหมายถึงทั้งประเทศและชะตากรรมของอัลกุดส์ นี่คือความจริงที่ชักนำหัวใจที่รู้แจ้งของท่านอิมามโคมัยนีผู้ยิ่งใหญ่ (ขอพระเจ้าทรงเมตตาท่าน) ให้ประกาศวันอัลกุดส์สากลในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอน

     การผนึกกำลังกันของชาวมุสลิมบนแกนของอัลกุดส์เป็นฝันร้ายของศัตรูไซออนิสต์และบรรดาผู้สนับสนุนชาวอเมริกันและยุโรป แผนการที่ล้มเหลวของ "ข้อตกลงแห่งศตวรรษ" และความพยายามที่จะขยายความสัมพันธ์ในระดับปกติระหว่างหลายรัฐบาลอาหรับที่อ่อนแอกับระบอบการปกครองเถื่อน เป็นความพยายามที่ชั่วร้ายเพื่อที่จะหลีกหนีจากฝันร้ายดังกล่าว

     ข้าพเจ้าขอพูดอย่างหนักแน่นว่า : ความพยายามเหล่านี้จะไม่ประสบความสำเร็จ การเคลื่อนไหวในทางลดลงและไปสู่การสิ้นสลายของระบอบศัตรูไซออนิสต์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วและจะไม่หยุดลง

ปัจจัยสำคัญสำหรับอนาคต : การยืนหยัดต่อต้านอย่างต่อเนื่องในดินแดนที่ถูกยึดครองและการสนับสนุนของชาวมุสลิมทั่วโลกต่อบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์

     ปัจจัยสำคัญสองประการที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคต : ประการแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ความต่อเนื่องของการยืนหยัดต่อต้านภายในดินแดนปาเลสไตน์และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแนวทางของการญิฮาดและการพลีชีพ (ชะฮาดัต) และประการที่สอง คือ การสนับสนุนระดับโลกต่อบรรดานักต่อสู้ (มุญาฮิดีน) ชาวปาเลสไตน์ ของบรรดารัฐบาลและประเทศอิสลามทั้งหลายทั่วโลก

     เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล ปัญญาชน นักวิชาการศาสนา รวมถึงพรรคและกลุ่มต่าง ๆ เยาวชนผู้กล้าหาญและกลุ่มชนอื่น ๆ จะต้องรับรู้ถึงสถานะของตนในการเคลื่อนไหวระดับโลกนี้และจะต้องแสดงบทบาท นี่คือสิ่งที่จะทำให้แผนการของศัตรูเป็นโมฆะและจะทำให้คำสัญญาของพระเจ้านี้เป็นจริงขึ้นในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) ที่ว่า :

اَم یُ‍ریدونَ کَیدًا فَالَّذینَ کَـفَروا هُمُ ال‍مَکیدون

“หรือว่าพวกเขาปรารถนาที่จะวางแผนร้าย ทว่าบรรดาพวกไร้ศรัทธานั้นเป็นพวกที่จะถูกตอบแทนการวางแผนร้ายอย่างแน่นอน”

(อัลกุรอานบทอัตฎูร โองการที่ 42)

وَ اللهُ غالِبٌـ عَلیًّ اَمرِه؛ وَلـّْکِنَّ اَکـثَرَ  النّاسِ لا یَعـلَمونَ

“และอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้พิชิตเหนือกิจการของพระองค์ แค่ทว่ามนุษย์ส่วนมากหารู้ไม่”

(อัลกุรอานบทยูซุฟ โองการที่ 21)

     จากนั้นผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวคำพูดภาษาอาหรับกับบรรดาเยาวชนของประเทศที่พูดภาษาอาหรับทั้งหลายโดยเฉพาะเยาวชนชาวปาเลสไตน์

ที่มา : สำนักข่าวตัสนีม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม