foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم

Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم

ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You

WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center

ภาพ-นิทรรศการ

25,10,0,50,1
5,600,50,1,3000,500,25,800
100,150,1,50,12,30,50,1,70,12,1,40,1,1,1,3000
0,1,0,0,2,40,15,5,2,1,0,17,0,1
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...

เหตุการณ์วันที่ 13 มุฮัรรอม | สุนทรพจน์ของท่านหญิงซัยนับ (อ.) และการเป็นชะฮีดของอับดุลลอฮ์ บินอะฟีฟ

ท่านหญิงซัยนับ (อ.) กล่าวในการอธิบายถึงเหตุการณ์อาชูรอว่า : "ฉันไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความสวยงาม”

      ในวันที่ 13 เดือนมุฮัรรอม ปีฮิจเราะห์ศักราชที่ 61 เมืองกูฟะฮ์ได้เห็นเหตุการณ์ร้ายแรงและสำคัญหลายอย่างในวังของอุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด ในวันนั้น ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ได้เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของอิบนุซิยาดให้ทุกคนได้เห็น และบอกเล่าข้อเท็จจริงต่างๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์อาชูรอในท่ามกลางฝูงชน จากนั้นกองคาราวานของท่านหญิงก็ถูกควบคุมตัวไว้ในคุกของเมืองกูฟะฮ์ แต่ในสถานการณ์เช่นนั้นบรรดาสหายที่สัจจริงของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) ไม่ได้นั่งนิ่งเฉย ตัวอย่างเช่น อับดุลลอฮ์ บิน อะฟีฟ ซึ่งกลายเป็นคนตาบอดเมื่อหลายปีก่อนระหว่างการสู้รบในสงครามซิฟฟิน และสูญเสียโอกาสที่จะร่วมทางกับท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในวันอาชูรอ เขาได้ยืนขึ้นต่อต้านอิบนิซิยาดและเรียกด้วยฉายานามที่เลวร้ายที่สุดของเขาว่า "ลูกชายของมัรญานะฮ์" จนกระทั่งทำให้เขาต้องเป็นชะฮีดโดยน้ำมือของคนโฉดชั่วผู้นี้ และด้วยเหตุนี้เองเขาได้ทำให้ชื่อของตนถูกบันทึกอยู่ในหมู่ผู้เป็นชะฮีดในทางของท่านอิมามฮุเซน (อ.)

เชลยแห่งกัรบาลาในมัจลิสของอิบนุมัรญานะฮ์

      ในวันที่ 12 ของเดือนมุฮัรรอม เชลยศึกแห่งกัรบาลาพร้อมด้วยศีรษะของบรรดาชะฮีดได้ถูกพาเวียนไปตามตรอกซอยต่างๆ ของเมืองกูฟะฮ์ อุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด ซึ่งด้วยเหตุผลที่แม่ของเขาเป็นหญิงชั่วและประพฤติตนเสื่อมทราม เขาจึงเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “อิบนุมัรญานะฮ์” (ลูกชายของมัรญานะฮ์) ในวันที่ 13 เขาได้ออกคำสั่งให้นำครอบครัวของอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ซึ่งถูกควบคุมตัวเป็นเชลยมาจากกัรบาลาเข้าไปยังวังของเขา จากนั้นเขาสั่งให้นำศีรษะของท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) มาวางลงต่อหน้าบุคคลเหล่านั้นเพื่อเป็นสื่อที่เขาจะได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ของตน

      เมื่อเชลยแห่งกัรบาลาซึ่งนำโดยท่านอิมามซัจญาด (อ.) และท่านหญิงซัยนับ กุบรอ (อ.) ได้เข้าไปในวังของอุบัยดิลลาฮ์ในสภาพที่มือของพวกเขาเหล่านั้นถูกมัดด้วยเชือก พวกเขาก็ได้เห็นศีรษะอันบริสุทธิ์ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) วางอยู่ในถาดเบื้องหน้าอิบนุมัรญานะฮ์

      บรรดาเจ้าหน้าที่ของอุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด ได้นำผู้มีเกียรติเหล่านั้นมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าชายที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ และเห็นพฤติกรรมที่หยาบช้าของลูกชายของมัรญานะฮ์ ในวันนั้นลูกชายของมัรญานะฮ์ ได้แสดงความอุกอาจต่อครอบครัวของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) และต่อศีรษะของท่านซัยยิดดุชชุฮะดาอ์ (อ.) แต่เขาต้องเผชิญกับถ้อยคำอันเฉียบขาดและรุนแรงของท่านหญิงซัยนับ (อ.)

ฉันไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความสวยงาม

       ท่านหญิงซัยนับ (อ.) เข้าไปสู่ที่ประชุมของอุบัยดิลลาฮ์ อิบนิซิยาด ในท่ามกลางเหล่าสตรี และเมื่อท่านนั่งลง บรรดาสตรีและเด็กๆ ก็มาห้อมล้อมอยู่รอบตัวท่าน ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ก็เช่นเดียวกับท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ (อ.) มารดาผู้เป็นที่รักของท่าน ที่ระวังรักษาฮิญาบและการหลีกเลี่ยงจากสายตาของคนแปลกหน้า ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ได้ผินใบหน้าของตนออกจากสายตาที่สกปรกของอิบนิซิยาด

       อิบนิซิยาดซึ่งสังเกตเห็นการหลบใบหน้าของท่านหญิงซัยนับ (อ.) แต่เขาไม่รู้จักท่าน เขาจึงถามว่า : "สตรีผู้นี้ที่ขยับตัวออกไปและสตรีอื่นๆ มาห้อมล้อมนางนั้นคือใครกันหรือ?" ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ไม่ได้ตอบคำถามของเขา อบูอุบัยดะฮ์จึงถามซ้ำอีกครั้ง และหญิงรับใช้คนหนึ่งของเขาซึ่งรู้จักท่านในนาม “อะกีละฮ์ อาหรับ” (สตรีผู้ปราชญ์เปรื่องแห่งอาหรับ) และครูผู้สอนคัมภีร์อัลกุรอานของเหล่าสตรี นางจึงตอบว่า : "เธอคือซัยนับ (อ.) บุตรสาวของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ซ็อลฯ)"

       อิบนิซิยาด จึงกล่าวกับท่านหญิงซัยนับ (อ.) อย่างหยาบคายว่า : "มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ผู้ซึ่งสังหารและทำให้ครอบครัวของเจ้าต่ำต้อยไร้เกียรติ และแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเจ้าพูดนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการโกหก!" ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ได้กล่าวตอบโต้เขาในทันใดว่า : "มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ผู้ทรงให้เกียรติแก่เราด้วยสื่อศาสดาของพระองค์ ซึ่งมาจากครอบครัวของเราและได้ชำระเราให้สะอาดบริสุทธิ์จากมลทิน นอกจากผู้ละเมิดแล้วไม่มีใครต่ำต้อยไร้เกียรติ และไม่มีใครโกหกนอกจากคนทำชั่ว และผู้ทำความชั่วนั้นไม่ใช่เรา แต่เป็นคนอื่น (หมายถึงเจ้าและบรรดาผู้ปฏิบัติตามเจ้า) และการสรรเสริญเป็นของพระผู้เป็นเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น"

       อุบัยดิลลาอฮ์กล่าวว่า : "เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ทำกับครอบครัวของเจ้าอย่างไร!" ท่านหญิงซัยนับ (อ.) กล่าวตอบอย่างสวยงามและด้วยความกล้าหาญว่า :

مَا رَأَيْتُ إِلَّا جَمِيلًا ، هَؤُلَاءِ قَوْمٌ كَتَبَ اللَّهُ عَلَيْهِمُ الْقَتْلَ فَبَرَزُوا إِلَى مَضَاجِعِهِمْ ، وَ سَيَجْمَعُ اللَّهُ بَيْنَكَ وَ بَيْنَهُمْ فَتُحَاجُّ وَ تُخَاصَمُ ، فَانْظُرْ لِمَنِ الْفَلْجُ  يَوْمَئِذٍ ، ثَكِلَتْكَ أُمُّكَ يَا ابْنَ مَرْجَانَةَ

"ฉันไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความสวยงาม พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดการถูกสังหารไว้แก่พวกเขาแล้ว และพวกเขาก็เชื่อฟังและรีบรุดไปยังหลุมฝังศพของพวกเขา และในไม่ช้า อัลลอฮ์จะทรงทำให้เจ้าและพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมกัน (ในวันกิยามะฮ์) และเจ้าจะถูกโต้แย้งและถูกร้องเรียน (ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์) แล้วในวันนั้นมาดูกันเถิดว่าชัยชนะจะเป็นของใคร ขอให้แม่ของเจ้านั่งไว้ทุกข์ต่อเจ้าเถอะ โอ้ลูกของ มัรญานะฮ์!"

       อุบัยดิลลาฮ์รู้สึกหวั่นกลัวเมื่อได้ยินฉายานามและการพาดพิงเขาไปยังแม่ผู้เป็นหญิงชั่วของตน เขาต้องการที่จะฆ่าท่านหญิงซัยนับ (อ.) แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเขาห้ามไม่ให้เขาทำเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยความเดือดดาลและโกรธจัดว่า : "อัลลอฮ์ทรงเยียวยาจิตใจของฉันด้วยการสังหารฮุเซนพี่ชายผู้ก่อกบฏของเจ้าและครอบครัวที่ละเมิดฝ่าฝืนของเขา" ท่านหญิงซัยนับ (อ.) กล่าวว่า : "ขอสาบานด้วยชีวิตของฉัน เจ้าได้ฆ่าผู้อาวุโสของฉัน ตัดกิ่งก้านของฉัน และถอนรากถอนโคน (ครอบครัว) ของฉัน ถ้านี่คือการเยียวยาของเจ้า เจ้าก็ได้รับการเยียวยาแล้ว"

       อิบนิซิยาด ซึ่งไม่สามารถที่จะหาคำตอบโต้ใดๆ ต่อคำพูดที่กินใจและกล้าหาญของท่านหญิงซัยนับ (อ.) เขาได้แสดงความกลักขละอีกครั้งด้วยท่าทางที่โกรธจัดต่อหน้าครอบครัวของท่านอิมามอะลี (อ. ) และกล่าวว่า : “หญิงผู้นี้ก็เป็นเจ้าโวหารเหมือนกับอะลีพ่อของนาง และขอสาบานด้วยชีวิตของฉัน พ่อของเจ้าก็เป็นคนเจ้าโวหารและเป็นนักกวี" ท่านหญิงซัยนับ (อ.) กล่าวว่า : "โอ้ อิบนิซิยาด! เกี่ยวอะไรกันกับผู้หญิงและคนเจ้าโวหาร"

เชลยแห่งกัรบาลาถูกคุมขังในคุกของเมืองกูฟะฮ์

       อิบนุมัรญานะฮ์หลังจากพูดตะกุกตะกักต่อหน้าท่านหญิงซัยนับ (อ.) และเห็นว่าม่านแห่งอาชญากรรมและความอุกอาจที่ใหญ่หลวงของเขากำลังจะถูกเปิด เขาจึงส่งผู้มีเกียรติเหล่านั้นไปเข้าคุก ด้วยวิธีนี้ บรรดาเชลยแห่งกัรบาลาจึงถูกคุมขังในคุกของเมืองกูฟะฮ์เป็นเวลาประมาณเจ็ดวันเจ็ดคืน

ข่าวการเป็นชะฮีดของอิมามฮุเซน (อ.) ถูกแพร่ออกไปยังดามัสกัสและมะดีนะฮ์      

      ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 61 ดินแดนต่างๆ ของอิสลามได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของยะซีด บินมุอาวิยะฮ์ บุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ อุบัยดิลลาฮ์ อิบนุซิยาดซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองเมืองกูฟะฮ์โดยยะซีดและได้ปฏิบัติภารกิจของตนอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในการสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) และจับกุมครอบครัวของท่านเป็นเชลย ในวันที่ 13 ของเดือนมุฮัรรอมเขาได้ส่งจดหมายไปยังดามัสกัสและมะดีนะฮ์ ด้วยเหตุนี้เองที่ในวันนั้น ข่าวการเป็นชะฮีดของท่านอบาอับดิลลาฮ์ อัลฮุซัยน์ (อ.) ได้รับการเผยแพร่ออกไปในดินแดนเหล่านั้น

การเป็นชะฮีดของอับดุลลอฮ์ บินอะฟีฟ   

       สหายคนหนึ่งของท่านอิมามอะลี (อ.) ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกูฟะฮ์ คืออับดุลลอฮ์ บินอะฟีฟ เขาคือผู้หนึ่งซึ่งเข้าร่วมสงครามญะมั้ลและสงครามซิฟฟีนในกองทัพของท่านอิมามอะลี (อ.) ในการปกป้องสัจธรรมและศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าและได้สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างของตนไปในสงคราม ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่สามารถเข้าร่วมต่อสู้กับศัตรูของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในวันอาชูรอได้

       ในวันที่ 13 ของเดือนมุฮัรรอม อับดุลลอฮ์ บินอะฟีฟ ได้เห็นว่าอิบนุมัรญานะฮ์ได้ปฏิบัติต่อครอบครัวของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ด้วยความอุกอาจอย่างไร เมื่อเขาได้ยินคำพูดหยาบช้าของอิบนุซิยาด เขาจึงลุกขึ้นและตะโกนด้วยเสียงดังว่า : "หุบปากเสียเถิด โอ้ลูกชายของมัรญานะฮ์! คนที่โกหกนั้นคือเจ้าและพ่อของเจ้าที่ให้ตำแหน่งนี้แก่เจ้า โอ้ศัตรูของอัลลอฮ์! เจ้าฆ่าลูกหลานของศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) แล้วเจ้ายังจะมาพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้ศรัทธาอีกหรือ?”

       บรรดาเจ้าหน้าที่ของอิบนุซิยาดต้องการที่จะจับกุมเขา แต่ด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัวและเผ่าของเขา ทำให้เขาได้รับคความปลอดภัย และได้กลับบ้านไป แต่แล้วเจ้าหน้าที่ชุดเดิมก็มาปิดล้อมบ้านของเขา แม้ว่าอับดุลลอฮ์ บินอะฟีฟจะตาบอด แต่เขาและลูกสาวของเขาก็แสดงความกล้าหาญอย่างมากมายต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของอิบนุซิยาด แต่ท้ายสุดเขาก็ถูกจับกุม จากนั้นก็ถูกสังหารจนเป็นชะฮีดด้วยน้ำมือของผู้ที่ชั่วร้ายที่สุด คือ อุบัยดิลลาฮ์ อิบนุ ซิยาด และได้กลายเป็นหนึ่งในบรรดาชะฮีดแห่งอาชูรอ


แหล่งอ้างอิง :

- นะฟะซุลมะฮ์มูม, เชคอับบาส กุมมี

- อัล ลุฮูฟ, ซัยยิดอิบนิฏอวูซ

- มักตะลุลฮุซัยน์ (อ.), บะห์รุลอุลูม

- มักตะลุลฮุซัยน์ (อ.), คอรัซมี

- อะอ์ยานุชชีอะฮ์, ซัยยิดมุห์ซิน อามีน

- นูรุลอัยน์ ฟี มัชฮะดิลฮุซัยน์ (อ.), อิสฟะรออีนี อิบรอฮีม บินมุฮัมมัด

- ออยิเนะฮ์ ดัร กัรบาลาสต์, มุฮัมมัดริฎอ ซังกะรี


บทความ : เชคมุฮัมมัดนะอีม ประดับญาติ

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม