foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم

Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم

ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You

WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center

ภาพ-นิทรรศการ

25,10,0,50,1
5,600,50,1,3000,500,25,800
100,150,1,50,12,30,50,1,70,12,1,40,1,1,1,3000
0,1,0,0,2,40,15,5,2,1,0,17,0,1
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW..
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...
Loves Of Muhammad SAW...

วันอีดฆอดีร วันแห่งการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ของอิสลาม

        วันอีดฆอดีร คือ วันอีดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ณ อัลลอฮ์ เป็นวันอีดของอาลิมุฮัมมัด (วันแห่งการเฉลิมฉลองของวงศ์วานของท่านศาสดามุฮัม มัด-ซ็อลฯ) และเป็นวันอีดที่มีคุณค่าที่สุดและมีความสูงส่งที่สุดในอิสลาม ในทัศนะของชาวชีอะฮ์ในช่วงเวลาตลอดทั้งปีนั้น ไม่มีวันใดจะมีความจำเริญ (บะรอกัต) และมีความดีงามมากไปกว่าวันนี้ทั้งนี้เนื่องจากว่า ท่านอิมามญะอ์ฟัร อัซซอดิก (อ.) เองได้กล่าวไว้ว่า :

إِنَّ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ : بَيْنَ الْفِطَرِ وَ الْأَضْحَى وَ الْجُمُعَةِ كَالْقَمَرِ بَيْنَ الْكَوَاكِبِ

“แท้จริงวันฆอดีรคุม ในท่ามกลางวันอีดิลฟิฏร์, วันอีดิลอัฎฮาและวันศุกร์นั้น เปรียบได้ดั่งดวงจันทร์ในท่ามกลางดวงดาวทั้งหลาย...”

 (อิกบาลุลอะอ์มาล, ซัยยิดอิบนิฎอวูซ, หน้าที่ 466)

       นับเป็นถ้อยคำที่มีความละเอียดอ่อนยิ่งนักที่ท่านอิมาม (อ.) ได้เปรียบเทียบวันอีดฆอดีรเหมือนกับดวงจันทร์ และเปรียบเทียบวันอีดอื่นๆเหมือนดั่งบรรดาดวงดวงที่อยู่ในท่ามกลางดวงจันทร์ทั้งนี้เนื่องจากว่าในวันอันยิ่งใหญ่นี้พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้ทรงประกาศว่า :

اَلْيوَمَ اَكَمْلَتُ لَكُم دينَكُم وَ اَتْمَمْتُ عَلَيكُم نِعمَتي وَ رضَيتُ لَكُمُ الاِسْلاَمَ ديناً

“วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์สำหรับพวกเจ้าแล้ว และข้าได้มอบความโปรดปราณของข้าครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว และข้าพึงพอใจแล้วที่จะให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า”

(อัลกุรอานบทอัลมาอิดะฮ์ โองการที่3)

       เนี๊ยะอ์มัต(ความโปรดปราน)อันยิ่งใหญ่แห่งอิสลามนั้นถือเป็นเนี๊ยะอ์มัต(ความโปรดปราน)ที่ทรงคุณค่าที่สุดซึ่งไม่อาจจะสมบูรณ์และเป็นจริงขึ้นมาได้เว้นเสีย แต่ด้วยกับวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง)ของท่านอิมามอะลี(อ.)

       ดั่งที่ท่านอิมามบากิร(อ.)ได้กล่าวว่า :

وَ لَمْ يُنادَ بِشَىءٍ ما نُودِىَ بِالوِلايَةِ يَوْمَ الغَدِيرِ

 “ไม่มีสิ่งใดที่ได้ถูกเรียกร้อง (ให้ยึดมั่นปฏิบัติตาม) เหมือนดังที่ถูกเรียกร้องในเรื่องของวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) ในวันฆอดีร”

(อุซูลุลกาฟี, เล่มที่ 2 , บาบดะอาอิมุลอิสลาม , ฮะดีษที่ 8)

       มุฮิบบุดดีน อัฏฏ็อบรีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ชาวซุนนีท่านหนึ่งได้รายงานว่าศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ซ็อลฯ)ได้กล่าวว่า :

إِذَا جَمَعَ اللَّهُ الْأَوَّلِینَ وَالْآخِرِینَ یَوْمَ الْقِیَامَهِ وَ نُصِبَ الصِّرَاطُ عَلَى ظَهْرَانِی جَهَنَّمَ لَمْ یَجُزْ بِهَا أَحَدٌ إِلَّا مَنْ کَانَتْ مَعَهُ بَرَاءَهٌ بِوَلَایَهِ عَلِیِّ بْنِ أَبِی طَالِبٍ (عَلَیْهِ السَّلَامُ)

“เมื่ออัลลอฮ์ได้ทรงรวมมนุษย์ทุกคนขึ้นในวันชาติหน้าและได้ทรงทอดซิรอฏไปบนสะพานข้ามนรกจะไม่มีผู้ใดข้ามมันไปได้นอกจากบุคคลที่จะได้รับความรอดพ้นด้วยกับวิลายะฮ์ (อำนาจการปกครอง) ของอะลี บินอะบีฏอลิบ(อ.) ”

      วิลายะฮ์ของท่านอิมามอะลี(อ.)นั้นคือ “ดีน ฮะนิฟ”(ศาสนาอันบริสุทธิ์)ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสว่า :

فَأَقِمْ وَجْهَكَ لِلدِّينِ حَنِيفًا فِطْرَةَ اللَّهِ الَّتِي فَطَرَ النَّاسَ عَلَيْهَا

 “ดังนั้นเจ้าจงผินใบหน้าของเจ้าเข้าสู่ศาสนาที่มีความเที่ยงตรงเถิดอันเป็นธรรมชาติของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาบนมัน”

(อัลกุรอานบทอัรรูม โองการที่ 30)

      และวิลายะฮ์ของท่านอะลี(อ.)นั้นก็คือฏอรีเกาะฮ์(แนวทาง)ที่ถูกต้องสำหรับการดำเนินชีวิตโดยที่ถ้าหากมนุษย์เลือก เดินตามแนวทางนี้แล้วในวันกิยามะฮ์(ชาติหน้า)พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งจะทรงให้เขาได้ดื่มน้ำอันหวานชื่นแห่งสระน้ำเกาษัรด้วยมือของท่านอะลี(อ.) โดยที่พระองค์ได้ทรงตรัสว่า :

وَأَنْ لَوِ اسْتَقَامُوا عَلَى الطَّرِيقَةِ لأَسْقَيْنَاهُمْ مَاءً غَدَقًا

 “และหากพวกเขาธำรงมั่นอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรงแล้ว แน่นอนยิ่งเราก็จะให้พวกเขาได้ดื่มน้ำอันอุดม”

(อัลกุรอานบทอัลญิน โองการที่ 16)

      และวิลายะฮ์นี้ คือ เนี๊ยะอ์มัต (ความโปรดปราณ) ที่มนุษย์ทุกคนจะต้องถูกสอบถามว่าพวกเขาได้ปฏิบัติตนอย่างไรต่อสิ่งนั้น

ثُمَّ لَتُسْأَلُنَّ يَوْمَئِذٍ عَنِ النَّعِيمِ

 “ต่อจากนั้นพวกเจ้าจะต้องถูกสอบถามอย่างแน่นอนในวันนั้นเกี่ยวกับเกี่ยวกับความโปรดปราน (ที่ได้รับในโลกดุนยา) ”

(อัลกุรอานบทอัตตะกาซุร โองการที่ 8)

       ท่านอาลูซี นักอรรถาธิบาย (มุฟัซซิร) คัมภีร์อัลกุรอานผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของซุนนีภายหลังจากได้ยกโองการอัลกุรอานที่ว่า :

وَقِفُوَهُمْ إِنَّهُم مَّسْئُولُونَ

“และพวกเจ้าจงหยุดพวกเขาไว้ แท้จริงพวกเขาจะต้องถูกสอบถาม”

(อัลกุรอานบทอัซซอฟฟาต โองการที่ 14)

       และภายใต้โองการนี้เขาได้อ้างคำพูดและทัศนะต่างมากมาย และท้ายที่สุดเขาได้สรุปโดยกล่าวว่า :

       “ทัศนะคำพูดที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดนั้นก็คือว่าในวันนั้นจะถูกถามเกี่ยวกับความเชื่อและการกระทำต่างๆของมนุษย์และสิ่งที่สำคัญกว่าทั้งหมดและยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นก็คือจะต้องถูกสอบถามเกี่ยวกับวิลายะฮ์ของท่านอะลี (กัรร่อมัลลอฮุ วัจญ์ฮะฮ์)”

      และในวันอันยิ่งใหญ่นี้ซึ่งเป็นการย้ำเตือนความทรงจำในการแต่งตั้งท่านอะมีรุลมุอ์มินีน (อ.) โดยท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) โดยพระบัญชาแห่งองค์ พระผู้อภิบาลของท่าน สมควรอย่างยิ่งที่จะทำให้ฟิฏเราะฮ์ (ธรรมชาติ) อันเป็นแบบแผนแห่งการสร้างของ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งนี้มีชีวิตและถูกรำลึกอยู่อยู่ตลอดไปในหัวใจทั้งหลาย และทำให้ม่านหมอกแห่งความมืดมน ความโง่เขลา ความไม่รู้และความหลงลืมได้ถูกขจัดออกไปจากดวงตาของบรรดาผู้เผลอเลอทั้งหลาย เพื่อที่พวกเขาจะได้ย่างก้าวไปบนเส้นทาง (ฏอรีเกาะฮ์) อันเป็นสัจธรรมและหันกลับมาสู่ซิรอฏอลมุสตะกีม(แนวทางอันเที่ยงตรง)แห่งพระผู้เป็นเจ้าและศาสนา ของพวกเขาจะได้เกิดความสมบูรณ์

     มีผู้ถามท่านอิหม่ามซอดิก (อ.) ว่า  : โอ้นายของฉัน! ท่านจะใช้ให้พวกเราถือศิลอดในวันนี้กระนั้นหรือ?

     ท่านอิมาม (อ.)ได้ตอบว่า :

        “ใช่แล้วขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ใช่แล้วขอสาบานต่ออัลลอฮ์!แท้จริงวันนี้ก็คือวันซึ่งท่านศาสดาอิบรอฮีม(อ.)ได้รอดพ้นออกมาจากกองไฟแล้วท่านได้ถือศิลอดเพื่อขอบคุณต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงเกริกเกียรติเกรียงไกรในวันนั้นและวันนี้คือวันซึ่งท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้แต่งตั้งท่านอะมีรุลมุอ์มินีน(อ.)เป็นตราสัญลักษณ์(แห่งการชี้นำ)และได้ทำให้เกียรติและความเป็นผู้สืบทอดของท่านเป็นที่กระจ่างชัดและท่านก็ได้ถือศิลอดในวันนั้นและวันนั้นคือวันแห่งการถือศิลอดการดำรงอิบาดะฮ์ การเลี้ยงอาหารและการผูกสัมพันธ์ต่อพี่น้องร่วมศาสนาและในวันนี้เป็นวันแห่งความพึงพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตาและเป็นวันแห่งความ โกรธแค้นของมารร้าย(ชัยฏอน)”

       ท่านอิหม่ามซอดิก(อ.)ได้สรุปอะมั้ลต่างๆของวันที่สำคัญนี้ไว้ในสี่ประการคือ :

1 – การถือศิลอด :

      ในบางริวายะฮ์(คำรายงาน)ได้กล่าวว่า การถือศิลอดในวันนี้มีคุณค่าเท่ากับการทำฮัจญ์และอุมเราะฮ์ (มุสตะฮับ) ถึง 100 ครั้ง และในบางรายงานได้กล่าวว่า จะเป็นกัฟฟาเราะฮ์ (ไถ่โทษ) ความผิดถึง 60 ปี ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงควรให้ความสำคัญต่อคุณค่าอันสูงส่งนี้ และทำการถือศิลอดในวันนี้

2 –การดำรงอิบาดะฮ์ :

      โดยสำนวนแล้วคำว่า การดำรงอิบาดะฮ์และการให้ชีวิตแก่เยามุลลอฮ์(วันแห่งอัลลอฮ์)นี้จะหมายถึง การวิงวอนขอดุอาอ์ การอิสติฆฟาร(ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์) และเป็นไปได้ว่า คำว่า การยืนหยัด(กิยาม)ในที่นี้จะหมายถึงการการยืนหยัดและการดำรงมั่นอยู่บนแนว ทางอันเป็นสัจธรรม และการยืนหยัดเผชิญหน้าต่อเหล่าศัตรูของอิสลามและมวลมุสลิม การต่อสู้กับบรรดาทรราชและผู้อธรรมทั้งหลาย

      อย่างไรก็ดีการยืนหยัดเผชิญหน้ากับความเท็จและญิฮาด(การต่อสู้)ในหนทางของพระผู้เป็นเจ้านั้นโดยตัวของมันแล้วก็คือการอิบาดะฮ์อันยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น มันคือส่วนหนึ่งจากหน้าที่บังคับ(วาญิบาต)ที่สำคัญที่สุด

3 – การเลี้ยงอาหาร :

       การรับรองแขกและการเลี้ยงอาหารแก่บรรดาพี่น้องผู้ศรัทธานั้นนับได้ว่าเป็นคุณลักษณะเฉพาะของวันอีดและการเฉลิมฉลองทั้งหลายโดยเฉพาะวันอีดอันยิ่งใหญ่นี้ได้รับการเน้นย้ำเป็นพิเศษและแน่นอนยิ่งว่าการทำให้บรรดาผู้ศรัทธามีความสุขและเกิดความปริติยินดีนั้นคืออิบาดะฮ์ที่ดี เลิศที่สุดอันจะนำมาซึ่งความพึงพอพระทัยจากพระผู้เป็นเจ้า

4 -การผูกสัมพันธ์ต่อบรรดาหมู่มิตร:

      การทำดีและการแสดงออกด้วยความดีงามต่อบรรดาพี่น้องผู้ศรัทธา การไปมาหาสู่และการเยี่ยมเยือนพวกเขาอยู่เป็นเนืองนิจนั้นถือเป็นอะมั้ล(การกระทำ)ที่ดีงามและน่าสรรเสริญยิ่งประการหนึ่งแต่สำหรับในวันอีดฆอดีรนั้นได้ถูกเน้นย้ำเป็นกรณีพิเศษมีปรากฏในริวายะฮ์(คำรายงาน)ว่า คราใดก็ตามที่ท่านพบเจอกับพี่น้องผู้ศรัทธาของตนในวันนี้ จงแสดงความปริติยินดีต่อเขาด้วยการกล่าวว่า :

الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي جَعَلَنَا مِنَ الْمُتَمَسِّكِينَ بِوِلاَيَةِ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ وَ الْأَئِمَّةِ عَلَيْهِمُ السَّلاَمُ

คำอ่าน :“อัลฮัมดุลิลลาฮิลละซี ญะอะละนา มินัลมุตะมัซซิกีนะ บิวิลายะติ อะมีริลมุอ์มินีนะ วัลอะอิมมะตะ อะลัยฮิมุสสะลาม”

ความหมาย : “มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแด่อัลลอฮ์ผู้ซึ่งได้ทรงทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ยึดมั่นในวิลายะฮ์(อำนาจการปกครอง)ของท่านอะมีรุลมุอ์มินีนและบรรดาอิมาม(อ.)”

บทความ/เรียบเรียงโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ