อัรบะอีน คือดวงอาทิตย์ของอิสลามแห่งฮุซัยนี ซึ่งกำลังทอแสงขึ้นพร้อมจะเชิดฉายสาสน์แห่งยุคสมัยที่จรัสแสงของสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ที่กำลังใกล้จะมาถึง ด้วยมือของบุตรผู้เป็นสายเลือดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) คือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) อิมามแห่งยุคสมัย และวันนั้นก็อีกไม่นานแล้ว อินชาอัลลอฮ์ (หากเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า)

ความยากเข็ญในการชี้นำสังคมมนุษย์

        ท่านศาสดานูห์ (อ.) ใช้เวลาเก้าร้อยห้าสิบปี (1) ในการประกาศเชิญชวนกลุ่มชนของท่านสู่ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่ในผลของความอุตสาห์พยายามหลายร้อยปีของศาสดาที่ยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าผู้นี้ มีประชาชนจำนวนน้อยมากได้ศรัทธาต่อท่าน ถึงขั้นที่มีรายงานว่าหลังจากน้ำท่วมโลกได้ลดลง จำนวนประชาชนที่ลงจากเรือพร้อมกับท่านมีเพียงแปดสิบคนเท่านั้น (2)

        ความยากลำบากในการชี้นำสังคมมนุษย์ไปสู่แสงสว่างแห่งศรัทธาและการยอมตนเป็นบ่าวพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งนั้นไม่ใช่เฉพาะเรื่องราวของท่านศาสดานูห์ (อ.) เพียงเท่านั้น แต่ประเด็นนี้ได้เกิดขึ้นกับศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ทุกท่านด้วยเช่นกัน

        แต่หลังจากผ่านไปประมาณ 1,400 ปี นับจากการปรากฏขึ้นของศาสนาอิสลาม การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน นั่นก็คือ คลื่นมหาชนของบรรดาผู้แสวงบุญประมาณ 20 ล้านคนที่เดินทางไปซิยาเราะฮ์ (เยี่ยมเยือน) ท่านซัยยิดุชชุฮะดาอ์ (อ.) ด้วยการเดินเท้าและในจุดสูงสุดของความยิ่งใหญ่ในช่วงวันอัรบะอีน (ครบรอบสี่สิบวันแห่งการเป็นชะฮีด) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.)

         คำว่า "อัรบะอีน" ในทางภาษาหมายถึง "สี่สิบ" และในรูปคำที่ใช้เฉพาะนั้นหมายถึง วันที่ 20 ของเดือนซอฟัร ปีฮิจญ์เราะฮ์ศักราชที่ 61 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 40 วันแห่งการเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) วันซึ่งนับเป็นระยะเวลายาวนานนับหลายศตวรรษมาแล้วที่ชาวชีอะฮ์จะแสดงออกซึ่งความรักและความผูกพันต่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) ในฐานะที่เป็นหนึ่งในอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ลูกหลานในวงค์วานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)

         คำถามที่เกิดขึ้นในความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือว่ามหาชนที่มีจำนวนมากมายเหล่านี้ได้เคลื่อนไหวเดินทางกันมาอย่างไรและด้วยแรงจูงใจอะไร มีพลังอำนาจใดที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของคนจำนวนเรือนล้านและไม่มีใครเหมือนนี้ เกี่ยวกับเรื่องนี้มีหลายประเด็นที่ควรกล่าวถึง

การนำทาง (ฮิดายะฮ์) เป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า

        ในคัมภีร์อัลกุรอาน พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งได้ทรงเอาการชี้นำมนุษย์ออกจากความรับผิดชอบของศาสดาของพระองค์ และทรงถือว่าการนำทาง (ฮิดายะฮ์) นั้นเป็นเรื่องของพระองค์ และพระองค์ทรงตรัสว่า :

لَيْسَ عَلَيْكَ هُداهُمْ وَ لكِنَّ اللَّهَ يَهْدي مَنْ يَشاء

"ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าที่จะชี้นำพวกเขา แต่อัลลอฮ์จะทรงชี้นำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์" (3)

        เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่าอิสลามเป็นศาสนาสุดท้ายและสมบูรณ์แบบที่สุดของพระผู้เป็นเจ้าและจะเป็นศาสนาครอบคลุมไปทั่วโลกนั้น (4) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ช้าก็เร็ว ประชาชนในทั่วทุกมุมโลกจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และแนวโน้มที่ผู้คนจะหันมาศรัทธาต่ออิสลามจะขยายตัวและเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

        ศาสนาซึ่งการเข้ามาสู่มันนั้นหมายถึง การก้าวเข้าสู่รัศมีและแสงสว่างที่สิ้นสุดลงด้วยการยอมตนเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ดังที่คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวไว้ว่า :

كِتابٌ أَنْزَلْناهُ إِلَيْكَ لِتُخْرِجَ النَّاسَ مِنَ الظُّلُماتِ إِلَى النُّورِ بِإِذْنِ رَبِّهِمْ إِلى‏ صِراطِ الْعَزيزِ الْحَميد

 "คัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้านำมนุษย์ออกจากความมืดมนทั้งหลาย สู่แสงสว่าง ด้วยอนุมัติขององค์พระผู้อภิบาลของพวกเขา สู่ทางของพระผู้ทรงเกริกเกยรติ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ" (5)

อัรบะอีน ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์

        ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ก่อนปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่และกว้างขวางของขบวนเดินเท้าแห่งอัรบาอีนฮุซัยนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ประวัติศาสตร์ของอิสลามเท่านั้น แต่ทว่ารวมถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติด้วย ที่ยังไม่เคยได้เห็นคลื่นมหาชนจำนวนมากขนาดนี้หรือจำนวนใกล้เคียงกับมันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

         สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก วันนี้เรากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่ทำให้ชาวโลกทั้งมวลต้องเกิดความพิศวง ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของศาสนาอิสลามและสายธาร (มัซฮับ) ชีอะฮ์ และประเด็นนี้หมายถึงขอบเขตและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของการดึงดูดของศาสนาอิสลามในยุคปัจจุบัน ใครกันที่จะสามารถเคลือบแคลงสงสัยได้ว่า ดวงอาทิตย์ที่จรัสแสงของอัรบะอีน คือแหล่งของแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการนำทางมนุษยชาติสู่อิสลามนี้?

         นับตั้งแต่นี้ไป บรรดายักษ์ใหญ่ด้านสื่อโฆษณาชวนเชื่อของโลกต้องก้มหัวลงและยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าปรากฏการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจของอิสลามนี้ เนื่องจากประเด็นของอัรบาอีนไม่เหมือนกับสงครามในประเทศหนึ่งที่สามารถจะปิดบังหรือบิดเบือนได้ด้วยเครื่องมือหรืออาวุธด้านสื่อปัจจุบัน อันจะทำให้หมดความน่าตื่นตาตื่นใจหรือลดความสำคัญของมันลง!

         เหตุการณ์อัรบะอีนไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อใดๆ ทั้งสิ้น และลำพังตัวมันเองก็สามารถทำให้ผู้คนได้รู้จักเพิ่มมากขึ้นวันแล้ววันเล่า ไม่เพียงแต่ในโลกของอิสลามเท่านั้น แต่ในทั่วทุกมุมโลก และนี่คือความเป็นอิสระที่ทำให้ศัตรูของอิสลามต้องหวั่นกลัว

         อัรบะอีนค่อยๆ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ที่กำลังเติบโตและนับวันอิทธิพลของมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมหาอำนาจที่หยิ่งผยองใดในโลกปัจจุบันจะยอมรับปรากฏการณ์ที่กำลังเติบโตอย่างเหลือเชื่อนี้ได้

         บนพื้นฐานนี้เอง ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า การชุมนุมเดินเท้าใน “วันอัรบาอีนสากล” มีบทบาทสำคัญในการเชิญชวนชาวโลกมาสู่อิสลาม และเช่นเดียวกันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกตะวันตกซึ่งด้วยกับเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดไม่สามารถที่จะสร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ และแน่นอนพวกเขาจะหวั่นวิตกอย่างยิ่งต่อปรากฏการณ์นี้ และปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ดังที่กล่าวไปแล้ว การชี้นำ (ฮิดายะฮ์) มนุษยชาติอยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงที่ว่า ในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) เราจำเป็นต้องรอคอยการสถาปนาการปกครองของอิสลามในทั่วโลก และสิ่งนี้อยู่ในอำนาจและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเพียงเท่านั้น

        ในอีกด้านหนึ่ง ความยิ่งใหญ่ที่เหนือธรรมดาของขบวนเดินเท้าอัรบะอีนและผลต่างๆ ในทางต่อต้านมหาอำนาจที่หยิ่งผยองที่แฝงอยู่นั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงประเด็นที่ว่า การระดมพลมวลชนที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถกระทำได้ด้วยพลังของมนุษย์ (ไม่ว่าพวกเขาจะมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม)

        ดังนั้น การเดินขบวนที่ยิ่งใหญ่ของอัรบาอีน จึงเป็นการสำแดงพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะชี้นำโลกทั้งหมดไปสู่แสงสว่างของอิสลามแห่งการปฏิวัติและแห่งฮุซัยนี พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะทำลายรากเหง้ามหาอำนาจที่หยิ่งผยองและทรราชของโลกโดยผ่านอิสลามบริสุทธิ์ที่แท้จริง ซึ่งนั่นก็คื อิสลามอาชูรอแห่งฮุซัยนีและอิสลามแห่งการปฏิวัติ และจะทรงทำให้รัฐบาลที่มีความยุติธรรมถูกจัดตั้งขึ้นทั่วโลก ด้วยมือของบุตรผู้เป็นสายเลือดของท่านอิมามฮุเซน (อ.) คือท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) อิมามแห่งยุคสมัย และวันนั้นก็อีกไม่นานแล้ว อินชาอัลลอฮ์ (หากเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า)

แหล่งอ้างอิง :

1. อัลกุรอานบทอังกะบูต โองการที่ 14

2. ตัฟซีร อัล กุมมี, อะลี บิน อิบรอฮีม อัล กุมมี, เล่ม 1, หน้า 328

3. อัลกุรอานบทอัลบากอเราะฮ์ โองการที่ 272

4. อัลกุรอานบทอัตเตาบะฮ์ โองการที่ 33; อัลกุรอานบทอัซซ็อฟฟุ โองการที่ 9

لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّه

 “เพื่อพระองค์จะทรงทำให้มัน (อิสลาม) พิชิตเหนือศาสนาทั้งมวล"

5. อัลกุรอานบทอิบรอฮีม โองการที่ 1

             อำนาจชั่วร้ายของตะวันตก แม้จะอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อและสื่อยักษ์ใหญ่ทั้งหมดของพวกเขา ก็เล็กเกินกว่าที่จะมีบทบาทในการสร้างหรือควบคุมปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์และไม่มีใครเหมือนของการชุมนุมอัรบาอีนโลก อัรบาอีนเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น และเพื่อดึงความสนใจของมนุษย์ทุกคนให้มุ่งไปสู่อิสลามอันบริสุทธิ์แห่งฮูซัยนี

บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ 

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม