foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم

Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم

ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You

WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center

บลิงเกน : สหรัฐฯ จะยังคงกดดันกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของเยเมนต่อไป

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ประเทศของเขาจะยังคงกดดันอันซอรุลลอฮ์ของเยเมนต่อไป ด้วยมาตรการคว่ำบาตร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้

      ตามรายงานของสำนักข่าวฟาร์ส  แอนโธนี่ บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ประเทศของเขาจะยังคงดำเนินการกดดันกลุ่มอัล ฮูซี (กลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของเยเมน) ต่อไป

      รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรพลเมืองเยเมนรายหนึ่งชื่อ Saeed Ahmed Mohammed al-Jamal และอีกหลายคน ด้วยเหตุผลการร่วมมือกับกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านในการถ่ายโอนเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่มอัล ฮูซี

      บลิงเกนกล่าวว่า : “เราคว่ำบาตร นายญะมาล จามาล ภายใต้คำสั่งของผู้บริหารที่ 13224 และเนื่องจากการให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุและการสนับสนุนทางวัตถุการเงิน และการสนับสนุนอื่น ๆ จากกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC )”

      รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อ้างว่า : “สหรัฐฯ กำลังพยายามทำงานเพื่อแก้ไขวิกฤตในเยเมน และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ยั่งยืนแก่ชาวเยเมน”

     บลิงเกนได้เรียกร้องให้กลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของเยเมน ยอมรับการตกลงหยุดยิงและเข้าสู่การเจรจาทางการเมือง โดยไม่เอ่ยถึงการโจมตีต่าง ๆ ของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย

     เขากล่าวต่อไปว่า : “สหรัฐฯ จะยังคงดำเนินมาตรการกดดันกลุ่มอัล ฮูซีต่อไป รวมทั้งผ่านการคว่ำบาตร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้”

     ตั้งแต่เดือนเมษายน 2015 พันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียได้เปิดฉากการโจมตีต่อประเทศเยเมนที่ยากจน ด้วยการโจมตีทางอากาศ ทางบก และทางทะเลอย่างหนักหน่วง เพื่อเป้าหมายในการเรียกคืนอำนาจให้กับ "อับดุร็อบบิฮ์ มันซูร ฮาดี" ประธานาธิบดีที่ลาออกของเยเมน

      การโจมตีเหล่านี้นำไปสู่การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของเยเมน และการแพร่กระจายของความยากจน การว่างงาน และการแพร่กระจายของโรคติดต่อในประเทศอาหรับที่ยากจนแห่งนี้ พลเรือนเยเมนหลายหมื่นคนเสียชีวิตและบาดเจ็บตั้งแต่การโจมตีเริ่มขึ้น

      ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นอธิบายประเด็นของเยเมนว่า เป็นฉากของวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันกว่า 75% ของประชากรเยเมนต้องการความช่วยเหลือและการสนับสนุนด้านมนุษยธรรม ในท่ามกลางวิกฤตนี้ผู้คนนับล้านไม่ทราบว่าอาหารมื้อต่อไปของพวกเขาจะมาจากไหน

     เมื่อเย็นวันพฤหัสบดี กระทราวงการคลังของสหรัฐฯ ได้กำหนดให้หลายบุคคลและหน่วยงานอยู่ในรายชื่อการคว่ำบาตร ด้วยข้ออ้างการมีบทบาทในการจัดหาเงินสนับสนุนจากกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน และกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของเยเมน

     กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ว่า สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศได้กำหนดให้เครือข่ายที่ให้การช่วยเหลือในการจัดหาเงินทุนของกองกำลังอัลกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านและกลุ่มอัล ฮูซี (อันซอรุลลอฮ์) ของเยเมน เข้าอยู่ในบัยชีรายชื่อของการคว่ำบาตร

      กระทรวงการคลังสหรัฐฯ อ้างว่าเครือข่ายที่นำโดย "Saeed al-Jamal" นี้ สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์จากการขายสินค้า รวมทั้งน้ำมันอิหร่าน ซึ่งส่วนใหญ่ส่งไปยังกลุ่มอัล ฮูซี ของเยเมน โดยผ่านเครือข่ายกลุ่มนายหน้าและการแลกเปลี่ยนเงินตราในหลายประเทศ

      การตรวจสอบรายชื่อของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ พบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดรายชื่อบุคคล 7 คน บริษัท 4 แห่ง และเรือเดินทะเล 1 ลำ เข้าอยู่ในบัญชีการคว่ำบาตร

      รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่ม "Saeed Ahmed Mohammed" ซึ่งมีสัญชาติเยเมนและอีก 6 รายเข้าในบัญชีคว่ำบาตร SDN โดยอ้างว่า มีความเชื่อมโยงกับกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน บรรดาบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร ประกอบด้วยพลเมืองของซีเรีย เยเมน อังกฤษ โซมาเลีย และ อินเดีย

      บรรดาบริษัทและเรือที่ถูกคว่ำบาตรนั้น ด้วยข้ออ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรที่อยู่ในรายชื่อ SDN  บริษัทเหล่านี้ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกีและเยเมน

      กระทรวงการคลังสหรัฐฯ อ้างในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า นับตั้งแต่เริ่มสงครามในเยเมน กองกำลังของอันซอรุลลอฮ์ได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากกองกำลังกุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน

      ในขณะที่ตั้งแต่เริ่มสงครามในเยเมน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้ช่วยเหลือพันธมิตรภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียในรูปแบบต่าง ๆ  รวมถึงการขายอาวุธด้วย


ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม