บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าซาอุดิอาระเบียได้รับความเสียหายอย่างมากในสงครามกับเยเมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับเศรษฐกิจและการปฏิบัติการทางทหาร….
พวกเขาเสริมว่า : ขีปนาวุธของเยเมนได้ไปถึงส่วนลึกในดินแดนซาอุดิอาระเบีย ซึ่งกำหนดเป้าหมายไปยังท่าเรือและสนามบินต่าง ๆ ของประเทศนี้
ดังนั้นซาอุดีอาระเบียจึงตระหนักว่า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดสงครามเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มมากไปกว่านี้
ความพ่ายแพ้ของซาอุดิอาระเบียในเยเมนนั้น แท้จริงแล้วเป็นความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา อาวุธและระบบป้องกันของประเทศนี้ เนื่องจากอาวุธของซาอุดิอาระเบียทั้งหมดเป็นของอเมริกัน และห้องบัญชาการสงครามของซาอุดิอาระเบียก็ถูกบัญชาการโดยสหรัฐอเมริกา ดังนั้นความพ่ายแพ้ครั้งนี้ จึงเป็นของอเมริกาก่อนจะเป็นของซาอุดิอาระเบีย
ในอีกด้านหนึ่ง ความพ่ายแพ้ของศัตรูของเยเมนในจังหวัดมะริบ ได้บังคับให้สหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทำสงครามและหันไปใช้กลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อยุติสงครามในเยเมน
สหรัฐอเมริกาในฐานะผู้สนับสนุนหลักของราชวงศ์ซะอูด ในการทำสงครามกับเยเมน ได้เปลี่ยนแนวทางหลังจากความพ่ายแพ้ของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรในเยเมน จนถึงขั้นที่ "แอนโธนี่ บลิงเกน" รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับว่า ไม่สามารถเอาชนะในระดับการทหารในสงครามเยเมนได้
ในขณะที่ความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกัน โดยเฉพาะพรรคเดโมแครตต้องการยุติสงครามเยเมน แต่ความจริงก็คือเป้าหมายของบรรดานักการเมืองสหรัฐฯ จากการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพื่อยุติความทุกข์ยากของประชาชนเยเมน แต่เพื่อรักษาบัลลังก์ ในอนาคตของมุฮัมมัด บินซัลมาน ผู้ซึ่งเริ่มต้นสงครามเอาไว้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้พวกเขาหยิบยกประเด็นของการหยุดยิง การเจรจา และการยกเลิกการปิดล้อมขึ้นมาเพื่อชดเชยความพ่ายแพ้ของพวกเขาในสงครามเยเมนโดยผ่านการเจรจา
เนื่องจากทรัมป์ ซาอุดีอาระเบียได้เข้าสู่สงครามกับเยเมน และพยายามทำให้ความสัมพันธ์กับรัฐบาลไซออนิสต์เป็นในระดับปกติและใช้นโยบายที่ไม่เป็นมิตรต่ออิหร่าน แต่หลังจากที่ทรัมป์จากไปและความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ที่จะหวนกลับไปสู่การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) กับอิหร่านเป็นที่ปรากฏชัด ซาอุดีอาระเบียจึงตระหนักดีว่า จำเป็นที่จะต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ในภูมิภาค ดังนั้นซาอุดิอาระเบียจึงเจรจากับอิรัก หาทางเข้าใกล้ดามัสกัส พยายามยุติสงครามกับเยเมนและเอาใจอิหร่าน
บรรดาที่ปรึกษาของสภาการเมืองสูงสุดของเยเมนกล่าวว่า พรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ไม่เคยทำตัวเหินห่างจากนโยบายล่าอาณานิคมของสหรัฐฯ และเช่นเดียวกับทรัมป์และพรรครีพับลิกันที่เชื่อมั่นในการปิดล้อมประเทศต่าง ๆ โดยอาศัยการสร้างความวุ่นวายที่สร้างสรรค์และหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรง
พวกเขากล่าวเสริมว่า : “หลังจากตระหนักว่าการทำสงครามกับเยเมนนั้นไร้ประโยชน์และไม่สามารถชนะได้ สหรัฐฯ กำลังพยายามยุติสงครามซาอุดิอาระเบียกับเยเมน และจะเปิดฉากสงครามกลางเมืองในลักษณะหนึ่งขึ้นในประเทศนี้ เพื่อที่เยเมนจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประเทศอิสระได้ แต่เยเมนจะไม่ยอมรับการถูกครอบงำโดยสหรัฐอเมริกาหรือซาอุดีอาระเบียอย่างเด็ดขาด
ที่ปรึกษาเหล่านี้ย้ำว่า แม้ว่าริยาดจะพยายามเข้าใกล้ดามัสกัส อิหร่าน อิรัก และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้มากขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน แต่ปัญหาของซาอุดีอาระเบียก็คือไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่น การยุติสงครามในเยเมนหรือการสร้างความสัมพันธ์กับอิหร่านโดยปราศจากความยินยอมจากบรรดาผู้สนับสนุน คือ สหรัฐฯ และอังกฤษ
ดังนั้น ซัลมาน หรือ มุฮัมมัด บินซัลมาน แม้ว่าพวกเขาต้องการจะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับประเทศต่าง ๆ อย่างเช่น อิหร่านและตุรกี และหยุดสงครามกับเยเมนก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพวกเขาไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเองและรู้ดีว่า หากปราศจากการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และอังกฤษ พวกเขาจะไม่สามารถรักษาบัลลังก์ของตนไว้ได้
ซาอุดีอาระเบียรู้ดีว่า การทำสงครามกับเยเมนเป็นสงครามยืดเยื้อที่จะทำลายแหล่งทรัพยากรของตนได้เพียงเท่านั้นและไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อริยาด แต่ถูกบังคับให้ต้องดำเนินสงครามต่อไปเนื่องจากเป็นผู้รับใช้ของสหรัฐอเมริกาและระบอบไซออนิสต์
ที่มา : อัล อาลัม
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center