เช้าวันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม 2562 ระหว่างการพบปะกับคณะผู้แทนระดับสูงของฮามาส ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามกล่าวถึงประเด็นปาเลสไตน์ว่าเป็นประเด็นแรกและเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของโลกอิสลาม พร้อมกับการยกย่องการยืนหยัดและการต่อต้านที่น่าทึ่งของชาวปาเลสไตน์และกลุ่มต่อต้าน (มุกอวะมะฮ์) ทั้งหลายรวมถึงกลุ่มฮามาส

     ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีได้ย้ำว่า : ชัยชนะจะไม่เกิดขึ้นหากปราศจากการยืนหยัดต่อต้านและการต่อสู้ บนพื้นฐานคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเราเชื่อว่าปัญหาของปาเลสไตน์จะสิ้นสุดลงเป็นผลดีสำหรับประชาชนชาวปาเลสไตน์และโลกอิสลาม

     ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะนายซอและห์ อัล อารูรีย์ รองประธานสำนักงานการเมืองของกลุ่มฮามาสได้มอบจดหมายของนายอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ ประธานสำนักงานการเมืองของกลุ่มฮามาสให้กับท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม

      ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีได้แสดงการชื่นชมจุดยืนที่ดีและที่สำคัญของนายอิสมาอีล อะนียะฮ์ในจดหมายนี้ พร้อมกับกล่าวว่า : ฮามาสอยู่ในหัวใจของขบวนการเคลื่อนไหวของปาเลสไตน์เช่นเดียวกับที่ปาเลสไตน์อยู่ในหัวใจของขบวนการเคลื่อนไหวของโลกอิสลาม

     ท่านได้กล่าวถึงการยืนหยัดและการต่อต้านของประชาชนชาวกาซาและชาวฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนว่าเป็นสัญญานที่แจ้งข่าวดีของการพิชิตและชัยชนะ ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า : “พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาการช่วยเหลือและชัยชนะแก่บรรดาผู้ที่ยืนหยัดในแนวทางของพระองค์ และแน่นอนว่าการบรรลุคำมั่นสัญญานี้มีปัจจัยจำเป็นต่างๆ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของมัน คือ การญิฮาด การต่อสู้และความอุตสาห์พยายามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในด้านต่างๆ ของการเมือง วัฒนธรรม แนวคิด เศรษฐกิจและการทหาร

    ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามชี้ถึงกรณีที่ว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านพูดได้อย่างเต็มปากกับทุกประเทศในประเด็นปาเลสไตน์ โดยกล่าวว่า : "เราได้ประกาศทัศนะของเราอย่างชัดเจนและโปร่งใสเกี่ยวกับปาเลสไตน์ แม้แต่ในเวทีระหว่างประเทศของประเทศหมู่มิตรของเราที่เราไม่มีทัศนะที่ขัดแย้งกับพวกเขาในเรื่องนี้ พวกเขารู้ว่าสาธารณรัฐอิสลามมีความจริงจังในเรื่องปาเลสไตน์

     ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีได้กล่าวเสริมว่า : "หนึ่งในสาเหตุสำคัญของความเป็นปรปักษ์ต่อสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านคือประเด็นของปาเลสไตน์ แต่ความเป็นปฏิปักษ์และการกดดันเหล่านี้จะไม่ทำให้อิหร่านถอยจากจุดยืนของตนในประเด็นของปาเลสไตน์ เนื่องจากการสนับสนุนปาเลสไตน์เป็นประเด็นทางความเชื่อและศาสนา”

      ท่านย้ำว่า : หากโลกอิสลามได้ยืนหยัดในประเด็นของปาเลสไตน์อย่างเป็นเอกภาพแล้ว ถึงตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ย่อมจะดีกว่าที่เป็นอยู่ และการที่บางประเทศที่ตามก้นอเมริกา อย่างเช่นซาอุดิอาระเบียที่ถอยห่างออกจากประเด็นปาเลสไตน์นั้นคือความโง่เขลาอย่างหนึ่ง เนื่องจากหากพวกเขาสนับสนุนปาเลสไตน์ พวกเขาจะสามารถกำหนดแต้มต่อ ต่ออเมริกาได้

     ท่านผู้นำของการปฏิวัติอิสลามย้ำว่า บนพื้นฐานของแบบแผน (ซุนนะฮ์) แห่งพระเจ้า ชัยชนะของประชาชนชาวปาเลสไตน์และการกลับคืนมาสู่โลกอิสลามของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกและเป็นไปไม่ได้ พร้อมกับกล่าวว่า : 40 ปีที่แล้วไม่มีใครเชื่อว่าในอิหร่านซึ่งเป็นศูนย์กลางของอิทธิพลและความหวังของสหรัฐอเมริกาจะมีรัฐบาลทางศาสนาขึ้นมาสู่อำนาจและสถานทูตอิสราเอลในกรุงเตหะรานจะถูกเปลี่ยนเป็นสถานทูตปาเลสไตน์ แต่ประเด็นนี้ก็เกิดขึ้นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นการบรรลุความเป็นจริงของเรื่องต่างๆ ที่ตามรูปการดูเป็นเรื่องแปลกประหลาดนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

     ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีกล่าวเสริมว่า : กรณีที่ซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์กล่าวว่า “อินชาอัลลอฮ์ (หากพระเจ้าทรงประสงค์) ผมจะไปนมาซในมัสยิดอัลอักซอ” นั้น สำหรับเราคือความหวังที่สามารถเป็นจริงและเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

     ท่านย้ำว่า หนึ่งในปัจจัยจำเป็นของการบรรลุความหวังนี้ก็คือจุดยืนที่แข็งแกร่งและการยืนหยัดที่นายฮะนียะฮ์ชี้ถึงมันไว้ในจดหมายของเขา พร้อมกับกล่าวว่า : "ถ้าเราทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ของตน สัญญาของพระเจ้าจะเป็นจริงอย่างแน่นอน"

     ท่านผู้นำของการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงแผนการทรยศของ "ข้อตกลงแห่งศตวรรษ" โดยกล่าวว่า : วัตถุประสงค์ของการสมคบคิดที่เป็นอันตรายนี้ คือการทำลายอัตลักษณ์ของปาเลสไตน์ในหมู่ชาวปาเลสไตน์และเยาวชนซึ่งจำเป็นจะต้องจัดการกับประเด็นหลักนี้และอย่าปล่อยให้พวกเขาใช้เงินทำลายอัตลักษณ์ของปาเลสไตน์

      ท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอีกล่าวว่า การเผชิญหน้ากับแผนการนี้จำเป็นต้องอาศัยการเผยแพร่ (ข้อเท็จจริง) ทางด้านความเชื่อ วัฒนธรรมและแนวคิด พร้อมกับกล่าวเพิ่มเติมว่า : "อีกแนวทางหนึ่งในการเผชิญหน้ากับแผนสมคบคิดนี้คือ การทำให้ประชาชนชาวปาเลสไตน์รู้สึกถึงความคืบหน้าซึ่งประเด็นนี้จนถึงขณะนี้มันได้เกิดขึ้นจริงแล้วด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า

    ท่านกล่าวว่า : "ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์ได้ทำการต่อสู้โดยใช้ก้อนหินเป็นอาวุธ แต่วันนี้พวกเขาได้ติดขีปนาวุธนำวิถี และนั่นหมายถึงความก้าวหน้า

     ในการพบปะครั้งนี้ นายซอและห์ อัล อารูรีย์ รองประธานสำนักงานการเมืองของฮามาสนำสลามและคำทักทายของนายอิสมาอีล ฮานียะฮ์และประชาชนปาเลสไตน์มามอบให้แด่ท่านผู้นำสูงสุของการปฏิวัติอิสลาม พร้อมกับกล่าวว่า : ดั่งที่ ฯพณฯ ได้กล่าวถึง เราเชื่อว่าบนพื้นฐานของคำสัญญาของพระเจ้า อัล กุดส์ (เยรูซาเล็ม) และปาเลสไตน์จะต้องได้รับการปลดปล่อยจากอุ้งมือของไซออนิสต์ และมุญาฮิด (นักต่อสู้) และประชาชาติมุสลิมทั้งหมดจะได้ไปนมาซในมัสยิดอัล อักซอ

    รองประธานสำนักงานการเมืองของกลุ่มฮามาสชี้ถึงจุดยืนที่เด็ดเดี่ยวของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ในการสนับสนุนปัญหาปาเลสไตน์ทั้งก่อนชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามและหลังการปฏิวัติ รวมถึงจุดยืนที่ชัดเจนของท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม และกล่าวว่า : ตลอดเวลาเราต้องขอบคุณสาธารณรัฐอิสลามที่ให้การสนับสนุนประชาชนปาเลสไตน์อย่างถาวรและไม่เปลี่ยนแปลง

     นายซอและห์ อัล อารูรีย์ ชี้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่างๆ ของอเมริกาและระบอบไซออนิสต์ที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลาม การคว่ำบาตรและการคุกคามต่างๆ พร้อมกับกล่าวว่า : "เราในฐานะขบวนการต่อต้านและขบวนการฮามาสขอประกาศความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและขอย้ำว่า ทุกการดำเนินการที่เป็นปฏิปักษ์ต่ออิหร่านนั้นในความเป็นจริงแล้วก็เป็นการดำเนินการที่เป็นปฏิปักษ์ต่อปาเลสไตน์และต่อขบวนการต่อต้านของปาเลสไตน์ ซึ่งเราถือว่าตัวเองอยู่แถวหน้าในการสนับสนุนอิหร่าน

     เขาชี้ถึงขีดความสามารถในศักยภาพการป้องกันตนของขบวนการต่อต้านในปาเลสไตน์พร้อมกับกล่าวเสริมว่า : "ความก้าวหน้าในการปกป้องตนของฮามาสและกลุ่มต่อต้านอื่นๆ นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับปีที่ผ่านมาและวันนี้พื้นที่ที่ถูกยึดครองทั้งหมดและศูนย์กลางสำคัญต่างๆ ของไซออนิสต์อยู่ในรัศมีของขีปนาวุธของกองกำลังต่อต้านของปาเลสไตน์

     รองประธานสำนักงานการเมืองของกลุ่มฮามาสพูดถึงแผน "ข้อตกลงแห่งศตวรรษ" นั้นว่าเป็นการสมคบคิดที่อันตรายที่สุดในการกำจัดอัตลักษณ์ของชาวปาเลสไตน์และได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์รวมถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

     ในช่วงท้ายของการพบปะนี้ คณะผู้แทนของฮามาสได้มอบภาพมัสยิดิลอักซอให้แก่ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม

ที่มา : อัล อาลัม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม