รัฐบาลซาอุดิอาระเบียซึ่งได้เริ่มต้นสงครามด้วยความหวังว่าจะสามารถทำให้มันจบลงได้อย่างช้าก็เพียงไม่กี่เดือน แต่ถึงตอนนี้ตัวเองต้องติดหล่มอยู่เป็นเวลาห้าปีแล้ว บรรดานักการทูตได้แนะนำให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียเจรจาโดยตรงกับกลุ่มอันซอรุลลอฮ์เพื่อหาทางออกจากเยเมนอย่างไม่เสียหน้า

    สำนักข่าวฟาร์สรายงานว่า สถานการณ์ในเยเมนขณะนี้มีความแตกต่างอย่างมากกับห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงปีแรกของสงครามกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ในขณะนี้ ทั้งในสนามรบและในเวทีทางการเมืองระหว่างสองประเทศนี้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อเยเมนและเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับซาอุดิอาระเบีย

    รัฐบาลซาอุดิอาระเบียซึ่งได้เริ่มต้นสงครามด้วยความหวังว่าจะสามารถทำให้มันจบลงได้อย่างช้าก็เพียงไม่กี่เดือน แต่ถึงตอนนี้ตัวเองต้องติดหล่มอยู่เป็นเวลาห้าปีแล้ว ซึ่งในช่วงหนึ่งปีสุดท้ายนี้ได้ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับ ในขณะเดียวกันสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ร่วมทางกับริยาดในสงครามมาโดยตลอดก็ได้ประกาศถอนตัวออก ซึ่งขณะนี้ซาอุดิอาระเบียเหลือตัวคนเดียวท่ามกลางการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ยังคงอยู่กับซาอุดีอาระเบียทุกวัน

    ในบริบทนี้หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้เขียนว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูต (ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงสัญชาติของพวกเขา) พยายามที่จะนำเสนอข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ในเยเมนภายใต้วิกฤตการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย

    พวกเขาได้เสนอแนะให้รัฐบาลริยาดเข้าสู่การเจรจาโดยตรงกับกลุ่มอันซอรุลลอฮ์ของเยเมน ข้อเสนอที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลของซาอุดิอาระเบียกำลังพิจารณาแง่มุมต่างๆ ที่จำเป็นในการตัดสินใจที่ยากลำบากในครี้งนี้ เนื่องจากการเจรจาโดยตรงกับกลุ่มฮูซีนั้นย่อมหมายถึงการยอมรับความชอบธรรมของขบวนการเคลื่อนไหวนี้ แต่ริยาดเองก็ต้องการปลดปล่อยตัวเองออกจากหล่มของเยเมน

    เจ้าหน้าที่อาวุโสของซาอุดิอาระเบียกล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า : “ซาอุดิอาระเบียไม่ต้องการสงครามที่ยืดเยื้อ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ต้องการที่จะดูอ่อนแอและบาดเจ็บต่อหน้าอิหร่าน"

    จากคำพูดเหล่านี้สรุปได้ว่า ซาอุดิอาระเบียไม่สามารถที่จะใช้จ่ายต้นทุนทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจและศักดิ์ศรีของตนเองในสงครามเยเมนได้อีกต่อไปแล้ว แต่ความโอหังของมกุฎราชกุมารหนุ่มแห่งซาอุดิอาระเบียเป็นเพียงสาเหตุเดียวที่ทำให้สงครามทำลายล้างนี้ยังคงดำเนินอยู่ ตามสถิติของสำนักข่าวเอพี จนถึงขณะนี้สงครามนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนกว่า 91,600 คน

    ในเรื่องนี้ "มุจญ์ตะฮิด" นักเปิดโปงชาวซาอุญ ที่มีชื่อเสียงได้เขียนไว้ในหน้าทวิตเตอร์ของเขาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า "มุฮัมมัด บินซัลมาน" ได้ส่งผู้นำเผ่าเยเมนบางคนไปเพื่อเป็นสื่อกลางในการเจรจาต่อรองกับกลุ่มอันซอรุลลอฮ์เพื่อทำให้กลุ่มนี้ยินยอมที่จะยอมรับข้อตกลง อย่างไรก็ตามข้อเสนอของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มนี้

ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม