สมาชิกของสภาการเมืองของขบวนการอันซอรุลลอฮ์ได้ขู่พันธมิตรซาอุดิอาระเบียว่า หากการโจมตีไม่หยุดลงกองกำลังเยเมนจะรุกคืบเข้าไปยังส่วนลึกของซาอุดิอาระเบีย….

     ตามรายงานของสำนักข่าวฟาร์ส "มุฮัมมัด อัล บะคีตี" สมาชิกสภาการเมืองของขบวนการอันซอรุลลอฮ์แห่งเยเมนกล่าวว่า หากพันมิตรซาอุดิอาระเบียยังไม่หยุดการโจมตีเยเมน ไม่เพียงแต่การโจมตีไปยังตำแหน่งต่างๆ ของบรรดาผู้รุกรานด้วยขีปนาวุธและโดรนจะไม่ยุติลงเท่านั้น ทว่ากองกำลังของเยเมนจะรุกคืบเข้าไปยังส่วนลึกของซาอุดิอาระเบียและพวกเขาจะเข้าไปจนถึงกรุง'ริยาด

     เขาได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของซาอุดิอาระเบียพยายามปฏิเสธการโจมตีของเยเมน แต่คราวนี้เนื่องจากการเผยแพร่คลิปต่างๆ ของพลเมืองซาอุดิอาระเบียเอง ทำให้พวกเขาต้องยอมสารภาพ

    มุฮัมมัด อัล บะคีตี"ย้ำว่า ปฏิบัติการณ์ต่างๆ ในลักษณะเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าซาอุดิอาระเบียจะยุติการโจมตีประชาชนเยเมนและการปิดล้อมประเทศนี้ และหากบรรดาผู้รุกรานเยเมนยังไม่คิดที่จะยุติสงครามแล้วการยุติสงครามจะจบลงด้วยกับการล่มสลายของระบอบการปกครองของซาอุดิอาระเบีย และไม่เพียงแต่การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนจะไม่หยุดลงเท่านั้น ทว่ากองกำลังของเยเมนจะบุกเข้าไปในซาอุดิอาระเบีย แม้กระทั่งจะไปถึงยังริยาด

     สมาชิกของสภาการเมืองแห่งเยเมนผู้นี้ยังย้ำอีกว่า การปฏิบัติการของเยเมนนั้นตั้งอยู่บนหลักการของการป้องกันตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครควรตำหนิกองทัพและคณะกรรมการประชาชนของเยเมน เขากล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียได้ปิดล้อมประชาชนเยเมนและทำลายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศนี้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ยุติการโจมตีของตน พวกเขาจะต้องแบกรับความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจอย่างกว้างขวางซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียล่มสลาย

     ถ้อยแถลงดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เช้าวันเสาร์ (14 กันยายน) นายพลจัตวา "ยะห์ยา ซะรีอ์" โฆษกโฆษกของกองทัพเยเมนได้แถลงข่าวเกี่ยวกับโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน "บากีก" และ "คอรีศ" ด้วยอากาศยานไร้คนขับจำนวนสิบลำ โดยเรียกปฏิบัติการครั้งนี้ว่า "ปฏิบัติการป้องปราม หมายเลข 2"  นอกจากนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้บรรดาผู้ใช้เครือข่ายสังคมชาวซาอุดิอาระเบียได้โพสต์รูปภาพและคลิปวิดีโอการระเบิดและเพลิงไหม้อย่างรุนแรงในโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียอย่างต่อเนื่อง

     เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมากองทัพเยเมนก็ได้กำหนดเป้าหมายการโจมตีไปที่บริษัท Aramco ด้วยโดรนจำนวน 10 ลำเช่นกัน ซึ่งเรียกปฏิบัติการครั้งนั้นว่า "ปฏิบัติการป้องปราม หมายเลข 1"

ที่มา : สำนักข่าวฟาร์ส

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม