สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ในลอนดอน เปิดเผยรายงานโดยให้เหตุผลพิสูจน์ว่า อิหร่านได้ทำให้เกมภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitics) และกลยุทธ์ทางภูมิศาสตร์ (geostrategic) ในภูมิภาค (ตะวันออกกลาง) เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง

    "อาร์ที" (RT) รายงานว่า บนพื้นฐานของบทความที่ตีพิมพ์โดยนิตยสาร "Bloomberg" สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (International Institute for Strategic Studies หรือ IISS) ในลอนดอน ได้ให้เหตุผลที่พิสูจน์ในบทรายงานเชิงวิเคราะห์โดยละเอียดของตนว่า อิหร่านได้เปิดเกมภูมิศาสตร์การเมืองและกลยุทธ์ทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาค เพื่อสร้างอิทธิพลเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยใช้กลยุทธ์ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวต่างๆ ในระดับภูมิภาค คือ "การใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุด"

     บทเรียนที่ยอดเยี่ยมของกลยุทธ์นี้ก็คือ เตหะรานซึ่งแตกต่างจากบางประเทศอื่นๆ ที่จะไม่ได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อการครอบครองดินแดนของประเทศอื่นและสังหารผู้คนของประเทศเหล่านั้น เนื่องจากว่าในที่สุดแล้วไม่มีรัฐบาลใดๆ จะสามารถซื้ออิทธิพลให้กับตัวเองด้วยการรุกรานประเทศอื่นๆ ได้

     สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (IISS) เขียนไว้ในรายงาน 217 หน้า ของตนว่า : อิหร่านด้วยกับการใช้กลยุทธ์ "การใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุดและเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์สูงสุด" สามารถออกจากเถ้าถ่านของสงครามในตะวันออกกลางได้อย่างผู้ชนะ และแม้จะมีหลักการป้องปรามทางทหาร แต่งบประมาณทางทหารที่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับวอชิงตันและริยาดแล้ว อิหร่านสามารถทำให้ผลลัพธ์ของเกมและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคก้าวไปข้างหน้าเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับตัวเองได้

     เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายดังกล่าวนี้ อิหร่านได้พัฒนาขีดความสามารถทางการทหารที่ไม่สมมาตร อย่างเช่น กลยุทธ์จู่โจมโดยใช้กองกำลังเป็นกลุ่มๆ , การใช้โดรนและการโจมตีทางไซเบอร์ของตน อย่างไรก็ตามซาอุดิอาระเบียได้พ่ายแพ้ในสงครามเยเมน ด้วยกับการสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์และการสังหารพลเรือนนับพัน ดูเหมือนว่า บทเรียนที่ใหญ่หลวงที่สุดของรายงานเชิงวิเคราะห์นี้ก็คือ เตหะรานไม่ได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อครอบครองดินแดนของประเทศอื่นและสังหารประชาชนของประเทศเหล่านั้น เนื่องจากว่าท้ายที่สุดแล้วไม่มีรัฐบาลใดสามารถที่สร้างอิทธิพลให้กับตัวเองได้โดยการรุกรานประเทศอื่นๆ

     ผลลัพธ์ที่น่าสนใจและสุดท้ายของรายงานนี้ก็คือว่า : "สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านสามารถเปลี่ยนดุลอิทธิพลที่มีผลกระทบในตะวันออกกลางให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองได้"

     ขณะที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของอิหร่านได้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และบางทีประเด็นนี้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้งบประมาณทางทหารของอิหร่านต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณทหารของวอชิงตันและบรรดาพันธมิตรในภูมิภาค ประเด็นนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลกล่าวแย้งที่ดีที่สุดต่อข้อกล่าวหาที่ไร้แก่นสารและไม่มีมูลความจริงที่พวกเขากล่าวหาอิหร่านในฐานะศัตรูในระดับภูมิภาคและเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย

     อิหร่านมีค่าใช้จ่ายทางทหารต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับซาอุดิอาระเบีย อิสราเอลและโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา แต่กระนั้นก็ตาม ดั่งที่สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ (IISS) ได้ย้ำว่า อิหร่านได้ประสบความสำเร็จในการออกจากเถ้าถ่านของเปลวเพลิงในตะวันออกกลางพร้อมกับธงแห่งชัยชนะ

    ตามบทความของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations (CFR)) ของสหรัฐอเมริกา "อิหร่านในขณะที่กำลังเข้าสู่ปีที่สอง นับตั้งแต่การเริ่มต้นของแคมเปญการกดดันสูงสุดของทรัมป์นั้น กลับมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสถานะในภูมิภาคของตน" ความมั่นใจในตนเองสูงของอิหร่านทำให้ประเทศนี้ได้บังคับเงื่อนไขบางประการของตนต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพูดถึงประเด็นอนาคตของการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม

     รายงานนี้ยังกล่าวถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับฮิซบุลลอฮ์ บทบาทของอิหร่านในอิรัก ซีเรียและเยเมน เบื้องหลังกลยุทธ์หลักของอิหร่าน คือการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อิหร่านจะไม่ใช้ทรัพยากรทั้งหมดของตนไปในหนทางนี้ ในทางตรงกันข้ามซาอุดิอาระเบียได้ใช้เวลา ความพยายามและเงินหลายพันล้านดอลลาร์และความสูญเสียในชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก นับตั้งแต่การเริ่มสงครามที่ไร้มนุษยธรรมในเยเมน แต่กระนั้นก็ตามซาอุดิอาระเบียได้ออกมาจากการต่อสู้ครั้งนี้อย่างผู้พ่ายแพ้

ที่มา : อัลอาลัม

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม