“Michael D’Andrea” เติบโตขึ้นมาในภาคเหนือของรัฐเวอร์จิเนียและมีอายุประมาณ 60 ปี เขาเข้าร่วมในสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐอเมริกา ในปี 1979 ช่วงเริ่มต้นการทำงานได้เป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ในค่ายทหารอาวุโสในรัฐเวอร์จิเนีย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบรรดาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น บารัค โอบามาและโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดถึงนโยบายใหม่ๆ ของตนเกี่ยวกับอิหร่าน โดยกล่าวอ้างว่า แผนการและนโยบายใหม่ๆ ในการต่อต้านอิหร่านนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของตนอย่างเต็มที่
ในเดือนมิถุนายนปี 2017 "Michael D'Andrea" ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของสำนักงานปฏิบัติการลับของซีไอเอในกิจการเกี่ยวกับอิหร่าน หลังจากแต่งงานกับสตรีงมุสลิมคนหนึ่งเขาได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามและเปลี่ยนชื่อของตนเป็น "อายะตุลลอฮ์ ไมค์" (Ayatollah Mike) ทันทีหลังจากที่เขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เขาได้เริ่มต้นทำงานในองค์กรปฏิบัติการลับของซีไอเอในอิหร่าน เขามีความรู้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง เนื่องจากเขาเคยมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการจับกุมและสังหารโอซามา บินลาเดน นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกที่โดดเด่นที่สุด (ของซีไอเอ) ในช่วงที่กองกำลังสหรัฐฯ อยู่ในอิรัก
"อายะตุลลอฮ์ไมค์" (Michael D'Andrea) ประสบความสำเร็จในปฏิบัติการลับหลายอย่างในตะวันออกกลาง เมื่อพิจารณาถึงบันทึกผลงานต่างๆ ในอดีตของ "Michael D'Andrea" สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า ใครที่อยู่เบื้องหลังความไม่สงบและการจลาจลในอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีกด้านหนึ่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศการสนับสนุนของตนอย่างเปิดเผยต่อการจลาจลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอิหร่าน
“Michael D’Andrea” เติบโตขึ้นมาในภาคเหนือของรัฐเวอร์จิเนียและมีอายุประมาณ 60 ปี เขาได้เข้าร่วมในสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐอเมริกา ในปี 1979 และในช่วงเริ่มต้นได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ในค่ายทหารอาวุโสในรัฐเวอร์จิเนีย ตามรายงานต่างๆ ที่ได้รับมานั้น “Michael D’Andrea” ได้เริ่มต้นภารกิจในต่างประเทศของเขาในแอฟริกาและทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่บริการต่างประเทศที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองดาร์ เอส ซาลาม (ดารุสสะลาม) ประเทศแทนซาเนีย
“Michael D’Andrea” มีประวัติการปฏิบัติภารกิจลับอยู่ในอียิปต์และอิรัก ในนามผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการข่าวกรองซีไอเอ และในปี 2006 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายของซีไอเอแทนที่ "Robert Grenier" ในตลอดช่วง 9 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งนี้ เขาได้สั่งการโจมตีโดยใช้โดรนหลายร้อยครั้งในปากีสถานและเยเมน ซึ่งได้ปรากฏตัวในสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาเพื่ออธิบายเหตุผลและปกป้องการโจมตีเหล่านี้
“Michael D’Andrea” ได้พบและรู้จักกับ "ฟะรีดะฮ์ การิม เจ" ภรรยาของเขาในระหว่างการปฏิบัติภารกิจต่างประเทศครั้งแรกของเขาในแอฟริกาตะวันออก ฟะรีดะฮ์เป็นลูกสาวของตระกูลเศรษฐีในเกาะมอริเชียส (Mauritius) ซึ่งมีเชื้อสายเป็นชาวคุชราตี (Gujarati) (Gujarat (คุชราต) เป็นรัฐหนึ่งของประเทศอินเดีย) และเธอมีอายุมากกว่า “Michael D’ Andrea” ถึง 10 ปี เธอทำงานอยู่ในกิจการของครอบครัวของเธอ เป็นบริษัทที่ดำเนินงานในด้านต่างๆ เช่น โทรคมนาคม สื่อ อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว การเงินและพลังงาน ฟะรีดะฮ์เป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ "การิมเจกรุ๊ป" และบริษัทในครอบครัวของเธอสามารถถูกใช้เป็นผู้สนับสนุนสำหรับการปฏิบัติการของซีไอเอ
ก่อนที่ “Michael D’Andrea” จะเข้าร่วมปฏิบัติการจับกุม "โอซามา เบนลาดิน" ในอัฟกานิสถานนั้น เขาได้วางแผนและดำเนินการปฏิบัติการลับมากมายให้แก่ซีไอเอ หลังจากเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเขาได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของหน่วยปฏิบัติการลับของซีไอเอในอิหร่าน เพื่อจะสามารถมีผลกระทบต่างๆ ในการทำลายล้างมากยิ่งขึ้นต่อภูมิภาค
หลังจากการคัดเลือก “Michael D’Andrea” ในฐานะผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการลับของซีไอเอในอิหร่าน บทความหนึ่งซึ่งเขียนโดย "Matthew Rosenberg" และ "Adam Goldman" ก็ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ "New York Times" บทความนี้ได้ชี้ถึงแผนการที่ละเอียดมากและคำนวณเป็นอย่างดีของซีไอเอ ซึ่งกำลังถูกปฏิบัติการและดำเนินการโดยบุคคลที่ชื่อว่า "อายะตุลลอฮ์ ไมค์" (Ayatollah Mike) หรือ "Dark Prince" และผู้เขียนทั้งสองได้กล่าวว่า บุคคลผู้นี้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (และกล่าวอีกนัยหนึ่งที่ชัดเจนกว่า คือตัวแทนโดยตรงของสหรัฐอเมริกา) ที่กำลังออกแบบและจัดเตรียมแผนการที่จะทำให้สถานการณ์ต่างๆ หนักหน่วงและยากลำบากสำหรับอิหร่าน
ในบทความนี้ที่กล่าวข้างต้นนี้ ด้วยหลักฐานและประจักษ์พยานต่างๆ ได้พิสูจน์ว่า "ไมค์ ปอมเปโอ" (Mike Pompeo) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ในขณะนั้น และหัวหน้าแผนกต่อต้านการก่อการร้าย เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ชื่อของเขาไม่ถูกเปิดเผย (แต่บอกว่ามีคุณลักษณะต่างๆ ที่เหมือนกับ Michael D’Andrea) ได้จัดเตรียมแผนการต่างๆ อย่างละเอียดและเข้มงวดมาตั้งแต่ช่วงเวลาเริ่มต้นของรัฐบาลของทรัมป์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวอย่างต่างๆ สามารถมองเห็นและสัมผัสได้อย่างชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงล่าสุดนี้
ในบทความนี้กล่าวว่า เนื่องจากความสำคัญของประเด็นอิหร่าน ความมีประสบการณ์ของหน่วยความมั่นคงและข่าวกรองของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและที่สำคัญที่สุดคือการไม่มีสถานทูตหรือหน่วยงานทางการใดๆ (ในนามของสหรัฐอเมริกา) อยู่ในอิหร่าน เป็นเหตุทำให้การสร้างเครือข่ายหรือแหล่งข่าวกรองและการสอดแนมสำหรับสหรัฐอเมริกาจากภายในประเทศอิหร่านเป็นเรื่องยากมากหรือกระทั่งว่าเป็นไปไม่ได้
การเลือกบุคคลที่มีประสบการณ์อย่าง "Michael D’ Andrea" สำหรับภารกิจที่หนักและยากลำบากเช่นนี้นั้น ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก เนื่องจากชื่อของ “Michael D’ Andrea” ในแวดวงซีไอเอ ได้ถูกกล่าวถึงในนามบุคคลหมายเลข 1 ของปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ กล่าวคือ ตามคำกล่าวอ้างของสื่อตะวันตกนั้น เขาคือผู้ทำให้อัลกออิดะฮ์ปราชัยและเอ่ยถึงเขาว่า เป็นคนที่ได้ทำการปฏิบัติการลับอย่างมากมายให้กับในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ทัศนะส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับอิหร่านไม่เป็นที่รับรู้สำหรับสาธารณชนทั่วไปและไม่เคยมีเนื้อหาที่ถูกเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในบทความของ "New York Times" ถือว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากหน้าที่ของ “Michael D’Andrea” ไม่ใช่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย แต่เป็นการดำเนินภารกิจที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับอิหร่าน บุคลิกภาพที่เหี้ยมโหดของ “Michael D’Andrea” รวมทั้งวิธีการและธรรมชาติความโหดร้ายของเขาในประเทศต่างๆ อย่างเช่น อัฟกานิสถาน, ปากีสถานและเยเมน ถือเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความบุ่มบ่ามและความรุนแรงจากนโยบายใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่มีต่ออิหร่าน ในบทความนี้ยังตั้งคำถามอื่นๆ เกี่ยวกับ “Michael D’Andrea” อีก แต่เนื่องจากเป็นความลับของพวกเขา ซีไอเอปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้
ในสหรัฐอเมริกา การสังหาร "โอซามา เบนลาดิน" ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่กำกับโดย "แคทรีน บิจโลว์" (Kathryn Bigelow) ซึ่งตัวละครที่แสดงเป็น "Michael D’Andrea" ถูกให้ชื่อว่า "Zero Dark Thirty" ได้สะท้อนบุคคลิกและความสามารถต่างๆ ของเขาออกมาให้ผู้ชมได้เห็น
แหล่งที่มา :
- http://www.haber7.com/amerika/haber/2512584-irani-karistiran-isim-cianin-karanlik-prensi
- https://www.washingtonpost.com/world/national-security/at-cia-a-convert-to-islam-leads-the-terrorism-hunt/2012/03/23/gIQA2mSqYS_print.html
- http://turkish.shafaqna.com/TR/TR/3334424
- http://tr.radar.bg/tr/2017-12-31/article/8490239_%C4%B0ran_%C4%B1_kar%C4%B1%C5%9Ft%C4%B1ran_isim__Michael_D_Andrea.html
- https://en.mehrnews.com/news/130962/Who-is-Dark-Prince-or-Ayatollah-Mike-mastermind-behind-Iran-s
แปลและเรียบเรียง :ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center