หลังจากถูกเนรเทศและต้องใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเป็นเวลาหลายปี ในวันที่ 12 บะฮ์มัน ปี 57 (ปีอิหร่าน) ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้เดินทางกลับสู่ประเทศ ในวันนั้นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้เห็นการต้อนรับครั้งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การปรากฏตัวของประชาชนหลายล้านคนที่ได้ออกมาต้อนรับท่านอิมาม ทอดแถวยาวจากสนามบินของกรุงเตหะรานไปยังสุสานเบเฮชตี ซะฮ์รอ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความรักและความผูกพันที่ไม่มีใครเหมือนของพวกเขาที่มีให้กับผู้นำของเขา
แม้จะมีความหนาวเย็นของฤดูหนาวก็ตาม แต่นับตั้งแต่ค่ำคืนก่อนการมาถึงของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ประชาชนหลายพันคนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้พบท่านอิมาม ได้มานอนรอท่านอยู่ในเส้นทางการเดินทางของท่าน เมืองต่างๆ ของประเทศอยู่ในภวังค์ของความปีติยินดีต่อการกลับมาของท่านอิมาม และประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ดอกไม้ และเสียงไชโยโห่ร้อง
ช่วงเวลาก่อนที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) จะเดินทางออกจากฝรั่งเศส ท่านได้ส่งสาส์นถึงชาวฝรั่งเศส ท่านได้กล่าวคำอำลาพร้อมกับแสดงความขอบคุณต่อพวกเขา หลังจากทำนมาซ ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้นอนลงบนพื้นของเครื่องบินบนผ้าห่มสองผืนอย่างสงบ ในขณะที่ผู้ที่มีความรักความผูกพัน หมู่มิตรและเครือญาติที่ใกล้ชิดของท่าน ต่างมีความกังวลใจเกี่ยวกับการปฏิบัติการกับเที่ยวบินนี้ ความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการจี้เครื่องบินกลางอากาศ เป็นสิ่งที่ทุกคนมีความวิตกกังวล จวบจนถึงวินาทีที่เครื่องบินลำนี้ลงสู่สนามบินกรุงเตหะราน
พร้อมกับการมาถึงของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ณ ห้องโถงของสนามบิน เสียงตะโกนคำว่า "อัลลอฮุ อักบัร" (อัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่) ดังกึกก้องและระงมไปทั่วห้องโถงของสนามบิน ผู้มารอคอยต้อนรับต่างขับร้องลำนำ “โคมัยนี เย่ อิมาม” (โอ้ท่านอิมามโคมัยนี) ทำให้น้ำตาของผู้ที่มีความรักอย่างสุดซึ้งต่อท่านได้ไหล่รินอาบแก้มของพวกเขา
ในคำปราศรัยหนึ่ง ณ สนามบินเตหะราน ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอขอบคุณต่ออารมณ์ความรู้สึกของประชาชนทุกๆ ระดับชั้น อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนอิหร่าน คือภารกิจอันหนักอึ้งที่อยู่บนบ่าของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถชดเชยมันได้” พร้อมกันนั้นท่านได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่ว่า การขับไล่กษัตริย์ชาฮ์ออกไปจากประเทศ คือก้าวแรกของชัยชนะ ท่านได้เรียกร้องทุกคนมาสู่เอกภาพและทำการต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะถอนรากถอนโคนความชั่วร้ายลงได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นท่านก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังสุสาน “เบเฮชตีซะฮ์รอ”
ในคำปราศรัยครั้งแรกของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ท่ามกลางมวลมหาประชาชนที่มารอต้อนรับท่านด้วยความคะนึงหา ณ บริเวณสุสาน “เบเฮชตีซะฮ์รอ” นั้น ท่านได้กล่าวว่า “เมื่อสายตาของข้าพเจ้าได้มองเห็นบางส่วนจากประชาชนเหล่านี้ที่ได้สูญเสียลูกหลานของตนไป ความหนักอึ้งได้ปรากฏขึ้นบนบ่าของข้าพเจ้า ที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้ มุฮัมมัด เรซา ปาห์ลาวี หนีไปแล้ว และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างไปกับสายลม เขาได้ทำลายประเทศของเรา และสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่สุสานต่างๆ ของเรา (ด้วยการเข่นฆ่าประชาชน)”
ท่านได้กล่าวเสริมต่อไปว่า “ข้าพเจ้าจะจัดตั้งรัฐบาลเพื่อมาสนับสนุนประชาชาตินี้ ข้าพเจ้าขอให้คำแนะนำตักเตือนประการหนึ่งต่อกองทัพและขอขอบใจ... เราต้องการให้กองทัพมีความเป็นอิสระ นายพลและผู้นำกองทัพ พวกท่านไม่ต้องการอิสระหรือ! ข้าพเจ้าขอขอบใจชนชั้นต่างๆ ที่มีการเชื่อมโยงอยู่กับประชาชน”
ในขณะที่สถานีโทรทัศน์กำลังถ่ายทอดสดการเดินทางมาถึงของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) อยู่นั้น ทหารได้บุกเข้าไปยังหน่วยงานนี้และห้ามไม่ให้เผยแพร่ภาพการถ่ายทอดสดของรายการนี้ต่อไป ทำให้สถานีโทรทัศน์ต้องยุติการถ่ายทอดสดการเดินทางมาถึงของท่านอิมาม เนื่องจากการบุกเข้ามาของเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้ประชาชนบางคนโกรธจัดและเหวี่ยงโทรทัศน์ไปยังท้องถนน
คืนแรกของการพำนักอยู่ ณ โรงเรียนสอนศาสนา “ร่อฟอฮ์” ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ได้กล่าวคำปราศรัยต่อสมาชิกของคณะกรรมการต้อนรับ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาความเป็นเอกภาพ บรรดานักการศาสนาที่รวมตัวชุมนุมกันอยู่ในมหาวิทยาลัยได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ประกาศยุติการรวมตัวชุมนุมของพวกเขา... สืบเนื่องจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของนายชาปูร์ บัคเตียร์ (นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพระเจ้าชาฮ์) ที่ต้องการเข้าพบท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ท่านอิมามได้กล่าวว่า “เราจะยอมรับคำร้องขอในการเข้าพบของบัคเตียร์ ก็ต่อเมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้ว”
นายชาปูร์ บัคเตียร์ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งในขณะที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) กำลังจะเดินทางเข้าสู่อิหร่าน ในแถลงการณ์ฉบับนี้เขาได้ขู่เตือนประชาชนที่ยังคงชุมนุมประท้วงและเดินขบวนอยู่ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) เดินทางมาถึง “ดร.อะลี ออบอดี” สมาชิกของรัฐสภาได้ลาออกจากสภา และนักศึกษาชาวอิหร่านได้ไปชุมนุมประท้วงด้านหน้าสถานทูตอิหร่านในสหรัฐอเมริกา
สำนักข่าว “เอเอฟพี” ของฝรั่งเศสรายงานว่า โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “คำพูดต่อต้านอเมริกันของอายะตุลลอฮ์โคมัยนี จะไม่ทำให้จุดยืนของสหรัฐอเมริกาที่มีต่ออิหร่านเปลี่ยนแปลงไป” อเมริกาได้ขนย้ายอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นความลับบางส่วนออกจากประเทศอิหร่าน กองทัพอากาศได้ซ่อนระบบต่างๆ ของเครื่องบินรบ เอฟ - 14 ไว้เป็นความลับ แต่สิ่งที่สมควรกล่าวถึงก็คือ หนึ่งในภารกิจของนายพล Robert Huyser ในอิหร่าน ก็คือการปฏิบัติภารกิจนี้นั่นเอง ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า “จะไม่มอบคืนเงินใดๆ ให้แก่อิหร่าน”
สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ และ “ยูไนเต็ดเพรส” รายงานว่า สัญญาจัดซื้ออาวุธต่างๆ ของอิหร่านถูกยกเลิกจากอังกฤษแล้ว เจ้าหน้าที่ของลอนดอนกล่าวว่า “สาเหตุของการยกเลิกการซื้อขายอาวุธเหล่านี้ ทำให้อังกฤษได้รับความสูญเสียเป็นจำนวนเงินถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ และประชาชน 20,000 คน ต้องตกงาน” ในประเทศลิเบียมีการเดินขบวนสนับสนุนการปฏิวัติอิสลามของชาวมุสลิมในอิหร่าน
ที่มา : havaryoon.ir
บทความ : ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม
In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم
Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم
ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You
WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์
ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center