foto1
foto1
foto1
foto1
foto1

In the name of Allah I بِسْــــــــــــــــــمِ اﷲِالرَّحْمَنِ اارَّحِيم

Assalamualaikum I اَلسَّلَامُ عَلَيْكُم

ขอความสันติ จงมีแด่ท่าน I Peace Be Upon You

WELCOME TO IICTH.COM I ยินดีต้อนรับ สู่เว็บไซต์

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม I Islamic Information Center

ท่านหญิงคอดีญะฮ์ มนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดของโลกสตรีคนแรกของประชาชาตินี้ที่เข้ารับอิสลาม

 " วันที่ 10 เดือนรอมฎอน เป็นวันครบรอบปีการเสียชีวิตของหนึ่งใน 4 จากสตรีที่ประเสริฐที่สุดของโลก สตรีผู้ซึ่งการเสียชีวิตของนางได้นำความเศร้าโศกมาสู่หัวใจของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) โดยที่ท่านได้เรียกปีแห่งการเสียชีวิตของนางว่า “อามุ้ลฮุซน์” (ปีแห่งความเศร้าโศก) "

     สตรีผู้ซึ่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) มนุษย์ที่ประเสริฐที่สุดของโลกได้กล่าวเกี่ยวกับนางด้วยความดีงามเสมอและท่านจะกล่าวยกย่องนางประหนึ่งว่า ไม่มีสตรีใดอีกแล้วที่จะเหมือนกับท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.)

     ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เล่าว่า : วันหนึ่งฉันได้กล่าวกับท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ว่า :  คอดีญะฮ์เป็นแค่เพียงหญิงชราคนหนึ่ง และพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ทรงมอบสิ่งที่ดีกว่าแก่ท่านแล้ว (จุดประสงค์หมายถึงตัวนางเอง)

     ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงถึงขั้นที่เส้นเลือดได้ปรากฏบนหน้าผากของท่าน จากนั้นท่านกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! ไม่มีใครสำหรับฉันที่จะดีไปกว่าคอดีญะฮ์ ในวันที่ประชาชนทั้งหมดเป็นผู้ปฏิเสธและเป็นผู้เคารพบูชารูปเจว็ด นางได้ศรัทธาต่อฉัน วันที่ทุกคนกล่าวหาฉันว่า เป็นนักมายากลและคนโกหก นางเชื่อในคำพูดของฉัน วันที่ทุกคนหันหลังให้ฉัน แต่คอดีญะฮ์ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดของตนให้อยู่ในอำนาจการใช้สอยของฉัน พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบบุตรีคนหนึ่งแก่ฉันโดยผ่านนาง ซึ่งเป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์และมีความยำเกรงพระเจ้า”

     นางกล่าวว่า : ฉันไม่เคยเห็นสตรีคนใดที่ท่านศาสดาให้ความสำคัญเท่ากับคอดีญะฮ์ ท่านจะกล่าวยกย่องชื่นชมนางอยู่เสมอ (1)

     หลังจากการเสียชีวิตของท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) พูดถึงความดีงามและการเสียสละของนางอยู่เสมอ และทุกครั้งที่ท่านรำลึกถึงนาง น้ำตาของท่านจะไหลรินออกมา ตัวอย่างเช่น :

     วันหนึ่งท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้อยู่ร่วมกับภรรยาหลายคนของท่าน บังเอิญได้มีการกล่าวถึงท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมาก และน้ำตาจึงได้ไหลเอ่อออกมาจากเบ้าตาของท่าน

     ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวกับท่านศาสดาว่า “ทำไมท่านจึงร้องไห้ สำหรับหญิงชราผิวสีน้ำตาลจากลูกหลานของอะซัดนั้น จำเป็นต้องร้องไห้ด้วยหรือ?”

     ท่านศาสดาได้กล่าวตอบนางว่า :

صَدَّقَتْنِي‏ إِذْ كَذَّبْتُمْ‏ وَ آمَنَتْ بِي إِذْ كَفَرْتُمْ وَ وَلَدَتْ لِي إِذْ عَقِمْتُمْ

“นางได้ยอมรับฉันในขณะที่พวกเธอกล่าวหาฉันว่าพูดเท็จ และนางได้ศรัทธาต่อฉันในขณะที่พวกเธอปฏิเสธฉัน และนางได้กำเนิดบุตรให้แก่ฉัน ในขณะที่พวกเธอเป็นหมัน”(2)

     ท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า “ฉันได้กล่าวกับตัวเองว่า ฉันจะไม่พูดถึงคอดีญะฮ์ในทางที่ไม่ดีอีกแล้ว”

     นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า : วันหนึ่งหญิงชราคนหนึ่งได้มาพบท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ท่านได้ให้ความสำคัญและแสดงความกรุณาต่อหญิงชราผู้นี้อย่างมาก เมื่อหญิงชราได้กลับไป ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้ถามสาเหตุที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ให้ความสำคัญต่อนาง ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ตอบว่า :

إِنَّهَا كَانَتْ تَأْتِينَا فِي‏ زَمَنِ‏ خَدِيجَةَ وَ إِنَّ حُسْنَ الْعَهْدِ مِنَ الْإِيمَانِ

“นางจะมาหาเราเสมอในช่วงที่คอดีญะฮ์ยังมีชีวิตอยู่ และแท้จริงการรักษาสัมพันธภาพที่ดีไว้นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากความศรัทธา” (3)

    และเป็นไปตามริวายะฮ์ (คำรายงาน) หนึ่ง ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้กล่าวว่า : เมื่อใดก็ตามที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เชือดแกะ ท่านจะกล่าวว่า “จงนำเนื้อของมันไปมอบให้แก่เพื่อน ๆ ของคอดีญะฮ์ด้วย” วันหนึ่งฉันได้พูดกับท่านศาสดาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า :

أحبّ من یحبّ خدیجة

 “ฉันรักคนที่รักคอดีญะฮ์” (4)

    ความประเสริฐต่าง ๆ ของท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) เท่านั้น บรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์ท่านอื่นๆ ก็ได้กล่าวขานถึงคุณงามความดีของภรรยาของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ผู้เสียสละท่านนี้ไว้เช่นกัน  ตัวอย่างเช่น ในวันอาชูรอในระหว่างการกล่าวเทศนา (คุฏบะฮ์) ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) นั้น ท่านได้แนะนำตนเองต่อเหล่าศัตรู โดยกล่าวว่า :

انشدکم الله هل تعلمون ان جدتی خدیجة بنت خویلد اول نساء هذه الامة اسلاما؟

“ขอสาบานต่ออัลลอฮ์! พวกท่านรู้ไหมว่ายายของฉัน คือ คอดีญะฮ์ บินติคุวัยลิด เป็นสตรีคนแรกของประชาชาตินี้ที่เข้ารับอิสลาม” (5)

      ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ในที่ชุมนุมของยะซีดในเมืองดามัสกัส ในคุฏบะฮ์ที่เลื่องลือของท่าน ท่านได้แนะนำตัวเองเช่นนี้ว่า  :

انا ابنُ خَدیجهَ الکبری

“ฉัน คือ บุตรของคอดีญะฮ์ สตรีผู้ยิ่งใหญ่ของอิสลาม” (6)

      ถึงขั้นที่อบูซะอีด อัลคุดรี ได้เล่าว่า : ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า :

إنَّ جَبْرَئیلَ أتانی لَیْلَة اُسری بی فَحینَ رَجَعْتُ قُلْتُ: یا جَبْرَئیلُ هَلْ لَك مِنْ حاجَة؟

“แท้จริงญิบรออีลได้มาหาฉันในคืนที่นำพาฉันขึ้นสู่ฟากฟ้า (อิสรออ์ เมี๊ยะอ์รอจ) โดยที่เมื่อขณะที่ฉันกลับมา ฉันได้กล่าวว่า “โอ้ญิบรออีล! ท่านต้องการอะไรไหม?”

      ญิบรออีลกล่าวว่า :

حاجَتي أنْ تَقْرَءَ عَلی خَدیجَة مِنَ اللهِ وَمِنِّي السّلامَ

“ความต้องการของฉันก็คือ จงนำสลามจากอัลลอฮ์และจากฉันไปยังคอดีญะฮ์ด้วย”

    ทันทีที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้กลับลงมาถึงพื้นดิน ท่านได้นำสลามของพระผู้เป็นเจ้าและของญิบรออีลมาบอกแก่ท่านหญิงคอดีญะฮ์ (อ.) ท่านหญิงคอดีญะฮ์ได้กล่าวว่า :

إنَّ الله هُوَ السَّلامُ وَ مِنْهُ السَّلامُ وَإلَیْهِ السَّلامُ وَعَلَی جَبْرَئیلَ السَّلامُ

“แท้จริงอัลลอฮ์นั้น พระองค์คือความสันติ ความสันติมาจากพระองค์ และความสันติจะกลับไปสู่พระองค์ และขอความสันติสุขพึงมีแด่ญิรออีล” (7)


เชิงอรรถ :

(1) กัชฟุลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติ้ลอะอิมมะฮ์, อะลี บินอีซา อัรบิลี, เล่มที่ 1, หน้าที่ 507

(2) อุซุดุลฆอบะฮ์, อะลี บินมุฮัมมัด อิบนิอะษีร, เล่มที่ 5, หน้าที่ 438

(3) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 16, หน้าที่ 1

(4) ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์, กุนดูซี, เล่มที่ 2, หน้าที่ 51

(5) อัลอามาลี, เชคฏูซี, หน้าที่ 463

(6) บิฮารุ้ลอันวาร, เล่มที่ 44, หน้าที่ 174

(7) กัชฟุลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติ้ลอะอิมมะฮ์, อะลี บินอีซา อัรบิลี, เล่มที่ 2, หน้าที่ 133


บทความโดย : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม